วันที่ 24 ส.ค. 2564 นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ลูกนัท เดินทางไปที่ประตู 4 อาคารรัฐสภา โดยได้นำใบรับรองแพทย์มาแสดงต่อสื่อมวลชน เพื่อยืนยันว่า ตาบอด พร้อมอ่านใบรับรองแพทย์ ระบุว่าเข้าตรวจเมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2564 เวลา 8.00 น. โดยมี พญ.ณฐมน ศรีสำราญ วินิจฉัยว่าเป็นโรคตาขวาบอด (blindness right eye) แพทย์ผู้วินิจฉัย พร้อมตราประทับของโรงพยาบาล พญาไท 1 และมีการลงชื่อรับรองโดยพยาบาลวิชาชีพ
ต่อมาตัวแทน นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมารับหลักฐานจาก นายธนัตถ์ โดยตัวแทนของนายสิระกล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 30 ส.ค. 2564 ขอให้นายธนัตถ์ มาวางเงินประกันพร้อมกับนายสิระ ที่บ้านทรงไทยของนายสิระ ถ.แจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ เพื่อเป็นการการันตีว่า ถ้าฝ่ายไหนมีหลักฐานที่ชัดเจนเรื่องดวงตาของลูกนัดเป็นเรื่องจริง จะได้เงินไป โดยหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสัปดาห์หน้าจะมีการนัดไปตรวจดวงตาของนายธนัตถ์ต่อไป
นายธนัตถ์ กล่าวว่า จะเซ็นเช็คไว้ 10 ล้านบาท เพื่อวางเป็นประกันพร้อมกับนายสิระในครั้งนี้ รวมทั้งขอแจ้งไปยังประชาชนว่าไม่ต้องบริจาคดวงตาให้
ส่วนอาการของดวงตาขณะนี้ ไม่เจ็บ แต่ไม่สามารถมองเห็นได้ เพราะไม่มีเทคโนโลยีที่จะไม่สามารถรับดวงตาของผู้อื่นมาเปลี่ยนได้ และแพทย์ก็ยืนยันว่าเปลี่ยนดวงตาก็ไม่ช่วยให้ดีขึ้น ยังไม่ได้คิดเรื่องใส่ดวงตาเทียม เป็นเรื่องของอนาคต และยังกล่าวอีกว่าจะให้ตรวจกี่ร้อยหมอก็ยอม เพราะไม่กังวลเรื่องเงิน เนื่องจากต่างฝ่ายก็ต้องการนำเงินไปมอบให้คนไร้บ้าน พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมามีการพูดคุยกับนายสิระอยู่ตลอด ซึ่งนายสิระเองก็เป็นคนที่สุภาพ
ส่วนที่นายสิระ ออกมาระบุอ้างว่าแหล่งข่าวบอกว่า นายธนัตถ์มองเห็น 15% นั้นยืนยันว่าไม่จริง “ถ้าผมมองเห็น 15% ผมยินดีจ่าย 1.5 ล้านเลย ผมอยากได้การมองเห็นกลับคืนมาอยู่แล้ว 20 ล้านผมก็จะเอา ผมมี 100 ล้านผมก็ยอมจ่าย” นายธนัตถ์ กล่าว
ส่วนประเด็นที่โพสต์ในเฟซบุ๊กว่าจะขอเปลี่ยนสนามสกุล เนื่องจากคิดว่าจะเป็นตัวของตัวเองและไม่เหมารวมกับคนอื่น ยังเคารพแม่และคนในครอบครัว แต่ยังคงมีจุดมุ่งหมายคือ ‘เดิมพันด้วยชีวิตภารกิจเปลี่ยนการเมือง’ และขอให้คนอื่นควรให้สิทธิและเกียรติ ไม่ลิดรอนสิทธิการแสดงออกทางการเมือง ส่วนใครที่ไม่เห็นด้วยและขัดขวางอาจจะต้องเป็นศัตรูกัน
“ผมคิดว่าเป็นตัวของตัวเองและไม่เหมารวมกับคนอื่น คนอื่นจะเชียร์ใครเรื่องของเขา แต่แม่ก็ยังเป็นแม่รักแม่เหมือนเดิม ส่วนมนุษย์เราสิ่งสำคัญคือสิทธิกับเกียรติ การลิดรอนสิทธิกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องประชาธิปไตย ใครมาขวางคงต้องเป็นศัตรูกัน” นายธนัตถ์ กล่าว