‘พิธา’ ก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ เปิดเบื้องหลังไทยพลาดโคแวกซ์ ได้ไฟเซอร์ช้า แฉกลุ่มเครือข่าย จัดหาวัคซีน ชุดตรวจ ATK – วัคซีน
วันที่ 2 ก.ย. 2564 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ เปิดเบื้องหลังการจัดหาวัคซีนของรัฐบาล โดยวันที่ 25 ส.ค. 2563 บริษัทไฟเซอร์แจ้งหน่วยงานในต่างประเทศของไทยว่า ไม่ได้รับการตอบกลับจากกรมควมคุมโรคและสถาบันวัคซีนแห่งชาติ จนกระทั่งวันที่ 19 พ.ย. 2563 ไฟเซอร์ต้องแจ้งอีกครั้งให้รัฐบาลเร่งพิจารณา มองว่ามีการ ‘ล็อกผลม้า’ ไม่พยายามหาวัคซีนไฟเซอร์ ไม่ใช่แทงม้าตัวเดียว
การที่ไม่สนใจเข้าร่วมโคแวกซ์ทั้งที่ส่งอีเมลมาตาม 2 ครั้ง วันที่ 18 พ.ย. และ วันที่ 9 ธ.ค.2563 จากนั้น วันที่ 22-26 เม.ย.2564 เบื้องหน้ารัฐบาลให้ความมั่นใจกับประชาชน ไทยเป็นศูนย์กลางผลิตวัคซีนของอาเซียน
แต่เบื้องหลัง ติดต่อทางการทูต ขอบริจาควัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 10 ล้านโดส ในที่สุดมีการตอบกลับว่าจะบริจาคผ่านโคแวกซ์ ทำให้พลาดที่จะได้วัคซีนตั้งแต่เดือนเม.ย. 2564
ไร้เอกภาพในการทำงานทำงานร่วมกัน โดยกระทรวงต่างประเทศและกระทรวงสาธารณสุขเกิดปัญหา มีข่าวในวันที่ 17 ส.ค. 2564 ว่านายกฯต้องหย่าศึก แต่เบื้องหลัง 1 มิ.ย. 2564 รัฐบาลไทย ได้ติดต่อไปที่ทำเนียบขาว บอกต่อซีอีโอไฟเซอร์ ให้ยกเว้น one country once contract policy เพื่อให้เจรจาได้ทั้ง 2 กระทรวง และทำอย่างไม่เป็นทางการ
นอกจากนี้ นายพิธา กล่าวว่า บริษัทLEPU ผู้ขายชุดตรวจ ATK ให้กับประเทศไทย 8.5 ล้านชุด มีกรณีซ้ำรอยกับซิโนแวคคือ บริษัทนี้ประวัติมีในการติดสินบนให้แพทย์ โฆษณาชักจูงอย่างไม่ตรงไปตรงมาว่า ชุดตรวจนี้มีประสิทธิภาพ และน่าใช้มากกว่า ซึ่งเกิดขึ้นในประเทศจีน สรุปแล้วไว้ใจนายกฯ ให้ตัดสินใจเรื่องสำคัญนี้ได้หรือไม่
นอกจากนี้ คณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมที่มีส่วนตัดสินใจในการซื้อวัคซีน และชุดตรวจ ATK นั้น มีคนอยู่ 3 ประเภทคือ 1. กลุ่มญาติและพี่น้อง 2. กลุ่มที่รู้เรื่องยามากเกินไปและมีส่วนได้ส่วนเสีย และ3. กลุ่มที่มาจากภาคเอกชนและภาคราชการ แต่มีความเหมือนกัน คือคณะกรรมการองค์การเภสัชส่วนใหญ่ จะผ่านหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) จบโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง และบริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่ง แล้วนายกฯ ไว้วางใจกลุ่มคนเหล่านี้ให้ตัดสินใจในการซื้อซิโนแวค หรือชุดตรวจ ATK ของบริษัท LEPU
“ผมจึงอยากเรียกร้องว่าเราต้องเลือกว่าจะเอาชีวิตของประชาชน หรือเอาระบบปรสิต ถึงเวลาแล้วที่เราจะเอามัจจุราชในทำเนียบรัฐบาลออกจากประเทศของเราเพื่อให้ประเทศไทยเดินออกไปได้ ผมจึงไม่สามารถไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ ให้บริหารประเทศได้อีกต่อไป” นายพิธา กล่าว