สิงคโปร์เปลี่ยนใช้แนวทางอยู่ร่วมกับโควิด เลิกใช้มาตรการเข้มงวดแม้ยอดติดเชื้อเพิ่ม

สิงคโปร์ยกเลิกมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวด เปลี่ยนมาใช้กลยุทธ์อยู่ร่วมกับโควิด-19 แม้ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศยังคงเพิ่มขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา

วันที่ 10 ก.ย. 2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์เปลี่ยนมาใช้กลยุทธ์อยู่ร่วมกับไวรัสโควิด-19 แทนมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวด แม้ยังพบผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 

“จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นทวีคูณที่เรากำลังประสบอยู่ในขณะนี้ คือสิ่งที่ทุกประเทศที่หวังใช้นโยบายการอยู่ร่วมกับโควิด-19 จะต้องผ่านพ้นไปให้ได้” นายออง ยี กุง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขกล่าวในการบรรยายสรุปวันนี้

สิงคโปร์กำลังเผชิญการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสิงคโปร์กลับมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อวันพฤหัสบดี (9 ก.ย.) จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่แตะ 450 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขมากสุดในรอบหนึ่งปี และคาดว่ายอดผู้ติดเชื้ออาจพุ่งขึ้นเกิน 1,000 คนต่อวันในอีกไม่ช้า 

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสิงคโปร์ได้ประกาศยุทธศาสตร์การรับมือกับโควิด-19 จากนโยบายพยายามทำให้ไวรัสหมดไปจากประเทศ มาเป็นการอยู่ร่วมกับไวรัส ด้วยการพยายามคุมการแพร่ระบาดด้วยวัคซีนและเฝ้าระวังอัตราผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล แทนการตั้งข้อจำกัดการใช้ชีวิตของประชาชน 

อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดระลอกใหม่ทำให้มาตรการเปิดเศรษฐกิจรอบใหม่ตามยุทธศาสตร์ดังกล่าวของสิงคโปร์ต้องสะดุดลง โดย นายลอว์เรนซ์ หว่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและประธานร่วมของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านโคโรนาไวรัสของสิงคโปร์ ระบุว่า ตัวบ่งชี้สำคัญในการตัดสินใจเปิดเศรษฐกิจรอบใหม่คือจำนวนผู้ป่วยหนักในห้องไอซียูในช่วง 2-4 สัปดาห์ข้างหน้า 

“จำนวนผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวในห้องไอซียูของเราตอนนี้ยังไม่สูง แต่เราก็นิ่งนอนใจไม่ได้ อาการป่วยรุนแรงมักเกิดขึ้น 2 สัปดาห์หรือมากกว่านั้นหลังพบการติดเชื้อ” นายหว่องกล่าว พร้อมระบุว่า “อาจเป็นการประมาทเกินไปที่จะเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งในตอนนี้” 

ทั้งนี้ สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สูงที่สุดในโลก ปัจจุบันมีประชากรมากกว่า 80% ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว