จอห์นสันแอนด์จอห์นสันแถลง ผลการใช้วัคซีนกระตุ้นเข็ม 2 เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด 94%

เผยประสิทธิภาพวัคซีนเข็ม 2 ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ลดอาการป่วยปานกลาง-หนักได้ถึง 94% จากการใช้งานในสหรัฐฯ แต่ประสิทธิภาพโดยรวมทั่วโลกอยู่ที่ 75% และยังไม่พบหลักฐานชี้ว่าประสิทธิภาพเข็ม 1 ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป

วันที่ 21 ก.ย. 2564 จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson and Johnson) แถลงผลการใช้งานวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดฉีดเข็มเดียว โดยพบว่าเมื่อนำมาฉีดกระตุ้นเป็นเข็มที่ 2 แล้ว สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันอาการป่วยได้ และมีความปลอดภัยอยู่ในระดับเดียวกับการฉีดเข็มที่ 1

ในกลุ่มแรกที่ได้รับวัคซีนฉีดกระตุ้นห่างจากเข็มแรกเป็นเวลา 56 วัน พบว่ามีระดับภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น 4-6 เท่า และมีประสิทธิภาพในการลดอาการป่วยระดับปานกลาง-วิกฤตได้ 94% จากข้อมูลกลุ่มตัวอย่างในสหรัฐฯ โดยเทียบจากการพบผู้ป่วย 1 คนในกลุ่มที่ฉีดวัคซีน และผู้ป่วย 14 คนในกลุ่มที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน

ด้วยตัวเลขจำนวนที่มีเพียงแค่ 1 คน ทำให้มีการตั้งคำถามถึงความชัดเจนของการสรุปผล ที่อาจยังมีกลุ่มตัวอย่างไม่มากพอ

ส่วนผลจากกลุ่มตัวอย่างทั่วโลกพบว่า วัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 2 ช่วยการลดอาการป่วยระดับปานกลาง-วิกฤตได้ 75%

ขณะเดียวกัน จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้ทำการทดสอบเพิ่มเติมอีกกลุ่มหนึ่ง โดยเว้นระยะห่างระหว่างเข็ม 1 และ 2 เป็นเวลา 6 เดือน พบว่ามีระดับภูมิคุ้มกันสูงขึ้น 9 เท่าภายใน 1 สัปดาห์หลังฉีดกระตุ้น และเพิ่มเป็น 12 เท่าหลังผ่านไป 12 สัปดาห์ 

ตามแถลงการณ์ยังระบุว่า การฉีดเข็มที่ 1 เพียงอย่างเดียว ยังสามารถรักษาระดับการป้องกันได้ยาวนาน โดยยังไม่พบหลักฐานที่ชี้ว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อเวลาผ่านไป เป็นการวิเคราะห์จากข้อมูลในช่วงเดือนมี.ค. ถึงปลายเดือนก.ค. ซึ่งคาบเกี่ยวกับช่วงที่เชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตาระบาด

วัคซีนชนิดฉีดเข็มเดียวของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันได้รับอนุมัติให้ใช้งานกรณีฉุกเฉินในสหรัฐฯ ตั้งแต่ 27 ก.พ. ต่อมาได้รับการอนุมัติฉุกเฉินโดยองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) และองค์การอนามัยโลก (WHO) ในวันที่ 11 และ 12 มี.ค. ตามลำดับ

สำหรับในประเทศไทย องค์การอาหารและยาอนุมัติขึ้นทะเบียนวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โดยบริษัท แจนเซ่น-ซีแลก จำกัด ตั้งแต่ 25 มี.ค.