เซเว่นฯ ญี่ปุ่น เตรียมให้บริการ แอปสแกน-ชำระสินค้าด้วยตัวเอง แก้ปัญหาลูกค้าต่อแถวจ่ายเงินนาน

เซเว่น อีเลฟเว่น ประเทศญี่ปุ่น เตรียมให้บริการแอปพลิเคชั่นสแกนสินค้าพร้อมจ่ายเงินออนไลน์ หวังแก้ปัญหาลูกค้าต่อแถวรอจ่ายเงินนาน และจ่อผันพนักงานไปทำเดลิเวอรี่

วันที่ 23 ก.ย. 2564 สำนักข่าว Nikkei รายงานว่า เซเว่น อีเลฟเว่น ประเทศญี่ปุ่น เตรียมให้บริการแอปพลิเคชั่นมือถือที่จะช่วยให้ลุกค้าสามารถสแกนราคาของสินค้า และชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ได้

โดยก่อนหน้านี้กลุ่มบริษัทของเซเว่น อีเลฟเว่น ญี่ปุ่น ได้ให้บริการแอปพลิเคชั่นดังกล่าวในร้านเซเว่นฯ 3,000 แห่งในสหรัฐอเมริกา ส่วนตอนนี้บริษัทคาดว่าจะให้บริการแอปฯ นี้ในร้านที่เป็นสาขาของบริษัทเองในโตเกียวและโอซาก้าภายในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า (มี.ค. – พ.ค. 2565) และหลังจากนั้นจะขยายการให้บริการไปยังสาขาแฟรนไชส์

สำหรับแอปพลิเคชั่นดังกล่าว จะช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องรอต่อแถวเพื่อชำระเงินอีกต่อไป เนื่องจากลูกค้าสามารถสแกนสินค้าผ่านกล้องบนสมาร์ทโฟน และชำระเงินแบบออนไลน์ได้ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้พนักงานไปให้ความสำคัญกับบริการใหม่ๆ เช่น การบริการเดลิเวอรี่ เป็นต้น

รวมถึงแอปพลิเคชั่นใหม่ก็จะช่วยให้เกิดการเว้นระยะห่างในร้านค้ามากขึ้น สอดคล้องกับการปรับตัวสู่วิถีใหม่ในช่วงโรคระบาดนั่นเอง

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ ส่งผลให้บริษัทอาจต้องเร่งการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ที่การเพิ่มจำนวนสาขาอาจเป็นเรื่องเป็นไปได้ยาก เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น

ในระยะถัดไป เซเว่นฯ ญี่ปุ่น จะกำหนดให้ลูกค้าที่จะเข้าใช้บริการ ต้องสแกน QR Code ในการเข้าและออกจากร้านค้า เนื่องจากต้องการติดตามตัวเลขผู้ใช้บริการในแต่ละวัน

นอกจากนี้ สำหรับการซื้อสินค้าบางรายการ เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ก็จะมีการตรวจสอบอายุลูกค้าก่อน ขณะที่การชำระเงินค่าสาธารณูปโภคต่างๆ จะต้องชำระที่เคาน์เตอร์เท่านั้น

เซเว่น อีเลฟเว่น ญี่ปุ่น คาดการณ์ว่า แอปพลิเคชั่นดังกล่าวจะช่วยลดความจำเป็นในการใช้เครื่องชำระเงินที่เคาน์เตอร์ลงประมาณ 30% ของการดำเนินงานในทุกสาขา และแต่ละสาขาก็จะสามารถลดจำนวนพนักงานลงได้ 1-2 คน

เครือเซเว่นฯ ญี่ปุ่น ยังหวังมุ่งเน้นให้พนักงานไปทำงานในส่วนอื่นๆ แทน เช่น การให้บริการเดลิเวอรี่ถึงบ้าน โดยเซเว่นฯ ตั้งเป้าว่าภายในปี 2025 จะให้บริการรูปแบบเดลิเวอรี่ให้ได้เกือบทั้ง 21,000 สาขาในญี่ปุ่น

ไม่เพียงเท่านั้น แต่การลดความจำเป็นของการใช้เครื่องชำระเงินที่เคาน์เตอร์ ยังจะช่วยห้ำนักงานมีสมาธิกับงานต่างๆ มากขึ้น เช่น การแพ็คสินค้าตามออเดอร์และส่งมอบไปให้กับผู้จัดส่ง

ส่วนในสหรัฐอเมริกานั้น บริษัทวางแผนว่าจะขยายการให้บริการแอปฯ ดังกล่าวให้ถึง 8,000 สาขาภายในปี 2022 และจะนำประสบการณ์จากในสหรัฐฯ มาใช้เสริมสร้างระบบให้กับสาขาในญี่ปุ่นด้วย

ที่มา : https://asia.nikkei.com/Business/Retail/Seven-Eleven-to-offer-app-checkout-in-Japan-after-US-launch?fbclid=IwAR3RYXXO0sQUljtxx9-hXaYXYmo6TZS_wB4spDAlcY_PKIwEtxWOmjsUFWg