ฝรั่งเศสส่งทูตกลับออสเตรเลีย ส่งสัญญาณฟื้นฟูความสัมพันธ์ หลังฉีกดีลเรือดำน้ำ

ฝรั่งเศสส่งทูตกลับไปประจำออสเตรเลีย ส่งสัญญาณฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ หลังมีประเด็นฉีกสัญญาซื้อเรือดำน้ำ 

วันที่ 7 ต.ค. 2564 สื่อต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลฝรั่งเศสได้ตัดสินใจส่งเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสกลับไปยังออสเตรเลีย เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอีกครั้ง หลังจากที่ออสเตรเลียฉีกข้อตกลงจัดซื้อเรือดำน้ำจากฝรั่งเศส 

ก่อนหน้านี้ ออสเตรเลียได้ยกเลิกข้อตกลงสั่งซื้อเรือดำน้ำที่ทำไว้กับฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2559 มูลค่า 65,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์อย่างน้อย 8 ลำด้วยเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และอังกฤษ หลังบรรลุข้อตกลงจัดตั้งพันธมิตรด้านความมั่นคงไตรภาคีที่มีชื่อว่า AUKUS 

การฉีกดีลเรือดำน้ำได้สร้างความไม่พอใจให้กับฝรั่งเศส โดยมีการกล่าวหาว่าออสเตรเลียและสหรัฐฯ แทงข้างหลัง พร้อมกับตัดสินใจเรียกทูตฝรั่งเศสประจำสหรัฐฯ และออสเตรเลียกลับประเทศทันที

นายฌอง-อีฟว์ เลอ ดริยอง รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสกล่าวต่อคณะกรรมการรัฐสภาว่า “ตอนนี้ผมได้ขอให้เอกอัครราชทูตของเราเดินทางกลับออสเตรเลียด้วยภารกิจ 2 ประการ หนึ่งคือช่วยกำหนดเงื่อนไขความสัมพันธ์ของเรากับออสเตรเลียในอนาคต และสองคือเพื่อปกป้องผลประโยชน์สำหรับการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมจากตัดสินใจของออสเตรเลียที่ยุติโครงการเรือดำน้ำ”

ขณะที่นายจอร์ช ฟรายเดนเบิร์ก รัฐมนตรีคลังออสเตรเลีย ได้ออกมาแสดงความยินดีต่อการตัดสินใจดังกล่าวของฝรั่งเศส โดยระบุว่า เรายินดีต้อนรับทูตฝรั่งเศสกลับสู่กรุงแคนเบอร์รา ฝรั่งเศสและออสเตรเลียต่างมีผลประโยชน์ร่วมกันในภูมิภาคนี้ เรามีความสัมพันธ์กันมายาวนาน จึงหวังว่าความสัมพันธ์ของเราทั้งสองประเทศจะกลับมาฟื้นฟูดังเดิม

ทางด้านสหรัฐฯ หลังเกิดประเด็นเรื่องเรือดำน้ำขึ้นไม่นาน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ได้โทรศัพท์สายตรงพูดคุยกับ ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส เพื่อหาทางยุติความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ ทำให้ฝรั่งเศสตัดสินใจส่งทูตกลับไปประจำที่สหรัฐฯ ตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา