เก็บซ่อนความรู้สึก เหมือนปฏิบัติติภารกิจลับ ถอดความหมายเพลง ‘นินจา’ จาก วง ‘Mirrr’   

ศิลปินดูโอ้ขวัญใจวัยรุ่น Mirrr (เมอร์) ประกอบด้วย โต – เลอทัศน์ เกตุสุข (ร้องนำ) และ นาว – วิชชานนท์ ว่องวีรชัยเดชา (กีตาร์) สังกัดค่ายเพลง What The Duck  ที่ขึ้นแท่นศิลปินรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง ด้วยการสร้างผลงานเพลงฮิตเอาไว้ อย่าง นิโคติน , ดอกไม้ไฟ , เกม และซิงเกิลลำดับล่าสุด  นินจา และปล่อย Lyric Video ที่แปลกใหม่สำหรับวงการเพลง ด้วยการทำเป็น NFT Collection สมกับเป็นโลกดิจิตอลเต็มตัว และ MV ที่ใช้เทคนิคถ่ายทำระดับโลกอย่าง Unreal Engine โดยรวมแล้วนี่ถือเป็นชิ้นงานมาสเตอร์พีชอีกชิ้นหนึ่งของ Mirrr

นินจา (Ninja)  เพลงใหม่ล่าสุดลำดับที่ 2 จากวง Mirrr ที่กลับมาพร้อมตัวตน และ แนวดนตรีที่ชัดเจน  โดยเพลงนี้โตยังคงลงมือเขียนเพลง และนั่งแท่นโปรดิวซ์ด้วยตนเองทุกขั้นตอน ได้แรงบันดาลใจมาจากเกมนินจาที่เคยเล่นตอนเด็ก ผสมผสานเรื่องราวในจินตนาการส่วนตัว ที่เปรียบ “นินจา” เป็นตัวแทนของคนที่ เก็บซ่อนความรู้สึก ในส่วนของดนตรีเพลงนี้ นาว ยังคงทำหน้าที่เรียบเรียง โดยผสมผสานซาวน์จากเครื่องดนตรีญี่ปุ่น ให้กลิ่นอาย เอเชีย ได้อย่างลงตัว ซึ่งเพลงนี้ถือเป็นเพลงแรกที่วงรู้สึกปลดล็อคในการทำงานทุกอย่าง เป็นจุดเริ่มต้นของเพลงอื่น ๆ ที่กำลังจะตามมาให้อัลบั้มเต็มชุดแรกในชีวิตของวง Mirrr ด้วย workpointTODAYPLAY พูดคุยกับวง Mirrr

เพลงที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเกม ‘นินจา’  ที่เล่นตอนเด็กของโต

โต : “ผมอยากเขียนเพลงเกี่ยวกับนินจา เพราะรู้สึกว่า นินจาเท่ดี ความเท่ของเขามันคือการปฏิบัติติภารกิจแบบไม่เปิดเผยตัวตน มันน่าสนใจในแง่หนึ่ง ว่าเขาทำสิ่งที่มี Passion เป็นสิ่งที่เขาตั้งใจทำมาก ๆ แล้วทำไมเขาถึงต้องไม่เปิดเผยตัวตนล่ะ โอเคว่า ระหว่างที่ปฏิบัติติภารกิจอาจจะไม่ต้องเปิดเผยตัวตนก็ได้ เมื่อเสร็จสิ้นแล้วเขาก็ยังไม่เปิดเผยตัวตน จนกระทั่งเขาตายไป บางคนยังไม่รู้เลย ว่าเขาเป็นนินจา ผมคิดว่า ในมุมนี้มันเท่เหมือนกันนะ ทั้งชีวิต เขาอาจจะถูกมองว่าเป็นคนธรรมดาทั่วไป แต่เขาได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ใหญ่ไว้ ที่มีแค่ตัวเขาและอาจจะแค่คนสองคนที่รู้เรื่องนี้”

ความรัก ที่ปฏิบัติติภารกิจลับอย่าง ‘นินจา’  

โต : “ผมมานั่งคิดดูว่า ถ้าคนแบบนี้ จะมีความรัก คงเป็นความรักที่เป็นผุ้ให้โดยแท้จริง หมายถึงว่า ให้โดยไม่หวังสิ่งใดใดตอบแทน ให้ในแบบที่เราให้ไปแล้ว เท่านั้นพอ มันเป็นสิ่งที่เรารักเขา เราก็อยากจะดูแลเขา ไม่ได้หมายความว่าจะไปเป็นตัวจริงในชีวิตเขาหรือมีความหมายอะไรกับเขา เราแค่อยากจะดูแลเฉยๆ แล้ววันหนึ่งถ้าเขาอยากจะกลับไปหาคนที่เป็นตัวจริงของเขา หรือแม้กระทั่งเขาไม่รู้เลยว่า เราก็รักเขาอยู่ ความรักนั้นมันคงจะแบบสุดท้ายแล้วเราก็ต้องไปอยู่ดี ไม่ได้มีความหมาย หรือว่ามีตัวตนอะไรในชีวิตเขา ก็มานั่งคิดว่า เห้ย ถ้าสมมติว่า คนแบบนี้จริง ๆ อะ เขาจคาดหวังหรือเปล่า เขาอยากได้สิ่งตอบแทนหรือเปล่า เขาอยากให้คนคนนั้น รักกลับมาหรือเปล่า ก็อาจจะไม่ใช่ก็ได้ เขาอาจจะต้องการแค่นี้ เขาถือว่าปฏิบัติติภารกิจได้สำเร็จแล้ว เขาถือว่า โอเค จบ แล้วเขาก็กลับไปเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่ต้องการแค่นี้อย่างนี้ครับ และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นที่เขียนเป็นเพลงนินจาขึ้นมาครับ ”

นาว :   “ฟังครั้งแรกรู้สึกว่ามันลื่นไหล เพลงมันมีความน่าสนใจ มันสามารถเล่าเรื่องจบภายในหนึ่งเพลง แล้วก็เข้าใจได้เลยว่าเพลงจะสื่ออะไร แล้วเอามาขยายทำดนตรีต่อ ด้วยความรู้สึกที่เราอินกับเพลงอยู่แล้ว พอมาฟังเพลงก็อิน ตอนที่โตส่งเพลงนี้มา ผมก้มีภาพในหัวของผมแล้ว เล่าให้ผมฟังว่า ตอนที่เขียนเพลง เห็นภาพนินจาอยู่ในเงามืด กำลังทำภารกิจ เราเห็นภาพร่วมกันนะครับ”

นอกความความหมายและเนื้อหาของเพลงที่กลมกล่อม แบบอุปมาอุปไมยเรื่องราวตามสไตล์ของ Mirrr  เพลง ‘นินจา’ ยังได้ปรากฎการณ์ใหม่ให้กับวงการดนตรี ด้วยการทำ Lyric Video เป็น NFT Collection และมิวสิควิดีโอที่ทั้งสองสมาชิกมองว่า นี่เป็นผลงานชิ้นมาสเตอร์พีซของพวกเขาเลย ด้วยการใช้เทคนิคการถ่ายทำระดับโลกอย่าง Unreal Engine ที่ถือเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ มักจะถูกใช้ในงานวิดีโอเกมที่เน้นภาพตระการตา ผสมผสานกับการถ่ายทำที่ใช้นักแสดงจริง ๆ แบบ CG ทั้งเรื่อง ถ่ายทอดเรื่องราวความสัมพันธ์แบบ นินจา ภายใต้การตีความใหม่ที่แอบซ่อนรายละเอียดไว้มากมาย ซึ่งร่วมงานกับสตูดิโอฝีมือคุณภาพระดับประเทศอย่าง Studio Matrix และกำกับโดยคอนเสิร์ตดีไซน์เนอร์ชื่อดังมากความสามารถอย่าง พล หุยประเสริฐ ที่เนรมิตเมืองในโลกอนาคตสุดล้ำ สอดแทรกแนวคิดไม่ว่าโลกจะพัฒนาก้าวหน้าไปมากแค่ไหน มนุษย์ก็ยังคงต้องเจ็บปวดกับเรื่องความรักเหมือนเดิม

โต :  “เราทำซาวด์ ทำเรื่องราวที่รู้สึกว่า มันเป็นอนาคตอย่างนี้ครับ แล้วก็รู้สึกว่า NFT  หรือ Cryptocurrency มันเป็นเรื่องราวของปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเรารู้สึกว่า มัน Relate กันครับ มันไปด้วยกันได้ เพราะเราอยากให้เพลงนี้มันผ่านไปกี่ปีก็สามารถกลับมาฟังได้ และมันเป็นนวัตกรรมที่เราสองคนก็ชื่นชอบอยู่แล้ว เพราะเราชื่นชอบใน Cryptocurrency มากมาสักพักหนึ่งมาก”

นาว : “เราอินอาร์ทพวกนี้อยู่แล้ว จากหนังที่เราดูหรือจากอะไรเมื่อก่อน พอตอนนี้มันมาอยู่ในงานของเราเอง มันก็เลยน่าตื่นเต้นไปแทบจะทุกซีน”

การทำงานของวง Mirrr ที่ไม่ตีกรอบ แค่มีความสุขกับสิ่งที่ทำ

นาว : เราคุยกันตั้งแต่ต้นว่าเราอยากจะทำดนตรี ขึ้นตอนการทำงานเราอยากจะพูดคุยกัน อยากจะเบลนสตรอมให้มันตกตะกอนค่อยเริ่มทำงาน ตั้งแต่เริ่มทำวง คือเราก็คุยกันตั้งแต่ต้นแล้วครับ ตอนแรกเราอยากจะคุยกันว่า ตอนแรกเราจะทำแนวอะไรกันดี พอคุยกันไปก็รู้สึกว่า Mirrr มันไม่น่าจะมีแนว มันน่าจะเป็นอะไรที่เราชอบ และเราไม่ควรจะไปตีกรอบมัน เหมือนเราก็แค่ได้เอ็นจอยกับสิ่งที่เราต้องการจะทำอยู่ และเอ็นจอยกับผลตอบรับที่คนเขาชอบอย่างนี้ครับ”

โต : “กรอบของ Mirrr เหมือนเป็นการเอาแต่ใจครับ เหมือนกับว่าเอาแต่ใจของเรา ที่เราอยากจะทำมันออกมาจริง เหมือนเราอยากจะทำในสิ่งที่เราอยากทำ สิ่งที่อยู่กับ Mirrr มาตลอดน่าจะเป็นพวกเครื่องซาวด์สังเคราะห์ ซาวด์กีต้าร์ของนาวอะไรอย่างนี้ ที่จะเป็นเอกลักษณ์ซ่อนอยู่ในเพลงแต่ละเพลง

Mirrr นับเป็นอีกวงดนตรีของคนรุ่นใหม่ ที่อยากจะผลักดันศิลปะ ผ่านชิ้นงานเพลงของพวกเขา ไม่ใช่เพียงการทำเพลงมาเพื่อที่จะให้ตัวเองชอบ คนฟังชอบและรักวงของพวกเขา แต่พวกเขายังให้ความสำคัญไปถึงการใส่คุณค่า และความครีเอทีฟลงไปในชิ้นงานอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับการสร้างสิ่งใหม่ๆเข้ามาประดับวงการเพลงไทยในโลกดิจิตอล