Alibaba จับมือ HSBC เปิดรับสมัครแข่งขันนำเสนอแผนธุรกิจระดับโลก JUMPSTARTER 2022 ชิงเงินทุนสูงสุด 132 ล้านบาท คว้าโอกาสทางธุรกิจในกวางตุ้ง ฮ่องกง มาเก๊า

กลับมาอีกครั้งกับการแข่งขันสำหรับสตาร์ทอัพที่จัดเป็นประจำทุกปี โดยกองทุนผู้ประกอบการอาลีบาบาฮ่องกง (Alibaba Hong Kong Entrepreneurs หรือ AEF) ซึ่งเปิดรับสมัครสตาร์ทอัพจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่วันนี้ถึง 28 พฤศจิกายน 2564

การแข่งขันในปีนี้สนับสนุนโดยธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) และจัดขึ้นในชื่อ Alibaba Entrepreneurs Fund/HSBC JUMPSTARTER 2022 Global Pitch Competition โดยกองทุน AEF และธนาคารเอชเอสบีซี ได้ทำงานร่วมกันในการโปรโมทงานนี้ไปยังสตาร์ทอัพทั่วโลก รวมทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกระตุ้นการมีส่วนร่วมและแบ่งบันประสบการณ์กับผู้ประกอบการรายอื่นๆ

หลังจากปิดรับสมัคร คณะกรรมการจะคัดเลือกแผนธุรกิจ เพื่อหาทีมที่ดีที่สุด 100 ทีมเข้าสู่รอบพิทชิ่งในเดือนธันวาคม จากนั้น 10 ทีมที่นำเสนอได้ดีที่สุดจะเข้าไปสู่รอบสุดท้ายในช่วงต้นปีหน้า เพื่อชิงเงินทุนสูงสุดราว 132 ล้านบาท* และรางวัลอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรคือ บริษัท ฮ่องกง ไซเบอร์พอร์ต แมเนจเมนท์ จำกัด และบรรษัทสวนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกง เข้ามาร่วมลงทุนเพื่อสนับสนุนการเติบโตของสตาร์ทอัพให้มากขึ้นด้วย

สำหรับ 100 ทีมที่ผ่านรอบแรก จะได้เข้าร่วมโครงการฝึกอบรม Netpreneur ของอาลีบาบา ซึ่งถือเป็นการขยายจากเดิม 20 ทีมในปีที่แล้ว เป็น 100 ทีมในปีนี้ เพื่อให้สตาร์ทอัพได้เข้าถึงแหล่งความรู้และเครือข่ายทางธุรกิจได้มากขึ้น

ส่วน 10 ทีมที่เข้ารอบสุดท้ายของ JUMPSTARTER 2022 ยังได้รับโอกาสเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน และ/หรือ กิจกรรมวิจัยตลาดที่จัดโดยกองทุน AEF ในฮ่องกงและเมืองอื่นๆ ในเขตเศรษฐกิจอ่าวกวางตุ้ง ฮ่องกง มาเก๊า (Greater Bay Area) ทาง JUMPSTARTER 2022 ยังจัดการบรรยายโดยผู้เชี่ยวชาญจากในอุตสาหกรรม เพื่อช่วยให้สตาร์ทอัพเข้าใจสภาพตลาดในเขตเศรษฐกิจนี้ และสร้างเครือข่ายทางธุรกิจเพื่อต่อยอดโอกาสการเติบโตในอนาคต

ซินดี้ เชา ผู้อำนวยการบริหาร กองทุนผู้ประกอบการอาลีบาบาฮ่องกง กล่าวว่า “นับตั้งแต่เกิดโรคระบาด เราไม่เคยหยุดและเร่งทำงานเชิงรุกเพื่อตอบโจทย์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป หลังจากพบว่าอีโคซิสเท็มของสตาร์ทอัพเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว การแข่งขัน JUMPSTARTER 2022 จึงมีการปรับตามเทรนด์ในยุคปัจจุบัน และมุ่งเน้นไปที่ 5 ธุรกิจ คือ เทคโนโลยีการเงิน เทคโนโลยีเชิงลึก เฮลธ์แคร์ เทคโนโลยีงานศิลปะ และความยั่งยืน เราหวังว่าการแข่งขันนี้จะเป็นสะพานที่เชื่อมต่อและช่วยให้สตาร์ทอัพได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทรนด์ล่าสุดในตลาด เราเชื่อด้วยว่า JUMPSTARTER 2022 จะสามารถส่งเสริมสตาร์ทอัพให้พัฒนาได้ไกลขึ้น และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในฮ่องกง และเมืองอื่นๆ ในเขตเศรษฐกิจนี้”

คริสติน่า อ๋อง หัวหน้ากลุ่มลูกค้าธุรกิจ ฝ่ายธนาคารพาณิชย์ ฮ่องกง ธนาคารเอชเอสบีซี กล่าวว่า “เอชเอสบีซีมุ่งมั่นสนับสนุนการเติบโตของสตาร์ทอัพและธุรกิจขนาดย่อมมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับเขตเศรษฐกิจอ่าวกวางตุ้ง ฮ่องกง มาเก๊า ถือเป็นโซนที่จะก้าวเข้ามามีบทบาททางเศรษฐกิจอย่างมาก เนื่องจากมีจุดแข็งทั้งการเป็นแหล่งระดมเงินทุนระหว่างประเทศ ศักยภาพด้านการวิจัย และโครงสร้างพื้นฐานการผลิต รวมถึงเป็นตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่ที่สตาร์ทอัพสามารถเติบโตและสร้างผลกำไรได้ การแข่งขัน JUMPSTARTER 2022 เป็นเวทีที่จะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่มีความสามารถได้เข้ามาในเขตเศรษฐกิจที่คับคั่งนี้ ซึ่งตลาดยังมีศักยภาพอีกมาก”

JUMPSTARTER 2022 เปิดรับสมัครสตาร์ทอัพที่ดำเนินธุรกิจมาน้อยกว่า 5 ปี และมีแผนที่จะขยายธุรกิจมายังฮ่องกงและเมืองอื่นๆ ในเขตเศรษฐกิจอ่าวกวางตุ้ง ฮ่องกง มาเก๊า (คุณสมบัติอื่นๆ ตามรายละเอียดด้านล่าง)

อีกหนึ่งไฮไลท์ของการแข่งขันในปีนี้ คือในเดือนพฤศจิกายนจะมีการจัดเสวนาผ่านทางออนไลน์ให้กับสตาร์ทอัพจากทั้งในจีน กวางตุ้ง ฮ่องกง มาเก๊า และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เข้าฟัง โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากอุตสาหกรรมต่างๆ และสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จมาแบ่งปันประสบการณ์ในการทำธุรกิจ เช่น การแก้ไขปัญหา การวิเคราะห์ธุรกิจในภูมิภาค ข้อดีของการทำธุรกิจในฮ่องกงและเมืองอื่นๆ ในเขตเศรษฐกิจนี้ และโอกาสในการพัฒนาของอุตสาหกรรมเกิดใหม่

นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง กองทุนผู้ประกอบการอาลีบาบาฮ่องกง ได้ร่วมลงทุนในสตาร์ทอัพแล้ว 55 ราย มูลค่ารวมราว 2,656 ล้านบาท^ รวมทั้งหาผู้ร่วมลงทุนเพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพเหล่านี้เป็นมูลค่ารวมราว 66,405 ล้านบาท โดยมีพอร์ตการลงทุนครอบคลุมหลายธุรกิจ เช่น เทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีการศึกษา เทคโนโลยีการเงิน การแพทย์และเฮลธ์แคร์ โลจิสติกส์ และอีคอมเมิร์ซ

การแข่งขัน JUMPSTARTER 2022 เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.jumpstarter.hk/tc

คุณสมบัติผู้สมัคร

–         ดำเนินธุรกิจมาน้อยกว่า 5 ปี

–         ได้รับเงินจากการระดมทุนน้อยกว่า 664 ล้านบาท

–         เป็นสตาร์ทอัพที่อยู่ในขั้น Seed และ Series C

–         มีผลิตภัณฑ์หรือบริการที่แปลกใหม่และเป็นนวัตกรรม

–         มีแผนขยายตลาดไปยังฮ่องกง และ/หรือ เขตเศรษฐกิจอ่าวกวางตุ้ง ฮ่องกง มาเก๊า ในอนาคต