นับถอยหลังเหลือไม่ถึง 9 วัน ไทยจะ ‘เปิดประเทศ’ ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ จาก 45 ประเทศ 1 เขตบริหารพิเศษ เข้ามาท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องกักตัว ภายใต้เงื่อนไข
ล่าสุด ศบค. ประกาศพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว ใน 17 จังหวัด พร้อม ‘ยกเลิกเคอร์ฟิว’ ให้กับจังหวัดที่เคยเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม โดยเฉพาะ ‘กรุงเทพฯ’ ได้ยกเลิกเคอร์ฟิวทั้งจังหวัด มีผลตั้งแต่ 5 ทุ่ม สิ้นเดือนนี้ ส่วน อีก 3 จังหวัดที่เคยเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม ยกเลิกเคอร์ฟิว เฉพาะพื้นที่ คือ
– ชลบุรี เฉพาะ อ.บางละมุง เมืองพัทยา อ.ศรีราชา อ.เกาะสีชัง และอ.สัตหีบ เฉพาะ ต.นาจอมเทียน ต.บางเสร่
– สมุทรปราการ เฉพาะ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
– ระยอง เฉพาะเกาะเสม็ด
ส่วนอีก 13 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวที่ไม่ได้มีเคอร์ฟิวอยู่แล้ว ได้แก่ กระบี่ , เชียงใหม่ เฉพาะ อ.เมืองเชียงใหม่ อ.ดอยเต่า อ.แม่ริม อ.แม่แตง, ตราด เฉพาะเกาะช้าง, บุรีรัมย์ เฉพาะ อ.เมืองบุรีรัมย์, ประจวบคีรีขันธ์ เฉพาะ ต.หัวหิน ต.หนองแก, พังงา, เพชรบุรี เฉพาะเทศบาลเมืองชะอำ, ภูเก็ต , ระนอง เฉพาะเกาะพยาม, เลย เฉพาะ อ.เชียงคาน, สุราษฎร์ธานี เฉพาะเกาะสมุย เกาะพงัน เกาะเต่า, หนองคาย เฉพาะ อ.เมืองหนองคาย อ.สังคม อ.ศรีจันทร์ อ.ท่าบ่อ และ อุดรธานี เฉพาะ อ.เมืองอุดรธานี บ้านดุง อ.กุมภวาปี อ.นายูง อ.หนองหาน อ.ประจักษ์ศิลปาคม
หลังการเปิดประเทศ ทั้ง 17 จังหวัด จะสามารถทำกิจกรรมรวมกลุ่มได้ไม่เกิน 500 คน แต่ในส่วนสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกาะ ศบค. ยังไม่ให้เปิด
สำหรับ พื้นที่สีแดงเข้ม หลัง 5 ทุ่มของวันที่ 31 ต.ค. นี้ ก็จะลดเหลือ 22 จังหวัด แต่ทว่า การแถลงข่าวของ ศบค. เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า เคอร์ฟิวในพื้นที่สีแดงเข้ม ตั้งแต่เวลา 23.00 – 03.00 น. นั้น ใช้ตั้งแต่วันที่ 16 – 31 ต.ค. 2564 ดังนั้นต้องติดตามว่าจะมีการ คงเคอร์ฟิว ในอีก 22 จังหวัด ต่อหรือไม่ อย่างไร