สรุป ‘ประวิตร’ พบนายกฯ จริง หลังข่าวปรับใหญ่ พปชร. เปลี่ยนตัว เลขาฯ พรรค

สรุปความเคลื่อนไหว ‘พลังประชารัฐ’ ฝุ่นตลบอีกครั้ง ‘พล.อ.ประวิตร’ คุย นายกฯ จริง หลังข่าวปรับใหญ่พลังประชารัฐ เปลี่ยนตัว เลขาฯ พรรค

หลังจากมีกระแสข่าวว่า นายกฯ เรียก 6 รัฐมนตรี พปชร. เข้าพบวานนี้ (25 ต.ค. 2564) ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในพรรคทันทีว่าอาจมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพรรค เพื่อแก้ปัญหาความอึดอัดหลายเรื่อง เช่นการทำโพล วัดคะแนนนิยม ส.ส. โดยให้กรรมการบริหารพรรคยื่นใบลาออก

ล่าสุด ‘พล.อ.ประวิตร’ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยอมรับว่า ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเรื่องนี้จริง แต่ยังไม่ได้ทำอะไร

วันที่ 26 ต.ค. 2564 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับโครงสร้าง พปชร. ว่า “ยังๆ ๆ กำลังคิดอยู่”

ส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียก 6 รัฐมนตรี พูดคุยวานนี้ (25 ต.ค. 2564) ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล และ พล.อ.ประวิตร เห็นพ้องด้วยนั้น

หัวหน้า พปชร. กล่าวว่า “ก็ตอบไปเมื่อกี้ไง ผมตอบไปแล้ว ว่ายังไม่มี” เมื่อถามว่า มีแนวโน้มที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะมาเป็น หัวหน้าพรรค พปชร. เองหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่รู้ ก็คุยกันแล้ว แต่ไม่เห็นนายกฯ คุยเรื่องนี้กับผม”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงเวลาที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรค พปชร.แล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่รู้ ไม่รู้”

เมื่อถามถึงรายงานที่ว่า 6 รัฐมนตรี เดินทางเข้าพบนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร และพล.อ.อนุพงษ์ ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ วานนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่รู้ สื่อรู้ก็บอกมา พูดไปเรื่อย”

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่า เย็นวันนี้ (26 ต.ค.) จะเปิดบ้านป่ารอยต่อฯ เพื่อประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครของพรรค พล.อ.ประวิตร กล่าวย้อนว่า “จะคุยเรื่องอะไร ” เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่า เป็นการคุยเรื่องในพรรคหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “เหอะ” พร้อมกับส่ายหัวแล้วเดินออกไปทันที

ขณะที่ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.เขต 2 โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ยอมรับว่า การปรับโครงสร้างพรรคกำลังพิจารณาอยู่ ซึ่งขณะนี้ คณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ได้หารือร่วมกันอย่างถี่ถ้วน และจะมีการปรับโครงสร้างพรรคในเร็วๆ นี้ เพื่อให้การทำงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกของพรรค เป็นไปตามยุทธศาสตร์ และแนวนโยบายของพรรค ส่วนความชัดเจน จะมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งใดหรือไม่นั้น ขอให้รอคณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาแล้วเสร็จก่อน

แต่แกนนำคนสำคัญอย่าง นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยืนยันว่า จนถึงเวลานี้ยังไม่มีการสั่งการใดๆ จากหัวหน้าพรรคฯ และเลขาธิการพรรคฯ จึงยังไม่รู้ว่า จะต้องทำอย่างไร เป็นเพียงการวิเคราะห์วิจารณ์กันเฉยๆ

“ทุกวันนี้เราต้องยอมรับความจริงอันหนึ่ง คือ พรรคพลังประชารัฐเกิดจากการหล่อหลอมจากสมาชิกจากหลายส่วน บางครั้งกว่าจะรวมกันติดได้ ก็ต้องผ่านการเลือกตั้งกันมาหลายครั้ง เดี๋ยวก็จะดีขึ้นเอง เพราะฉะนั้นวันนี้ ผมคงจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ ถ้าตรงนี้แก้ไขแล้วเดินได้ดีก็ควรแก้ไข แต่ถ้าแก้ไขแล้วยิ่งวุ่นวายก็ไม่ควรแก้ไข” นายวิรัช กล่าว

ส่วนจะมีการประชุมพรรคพลังประชารัฐเพื่อเคลียร์ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า ถ้ามีประเด็นต้องหารือกันในช่วงสัปดาห์นี้ และถ้าจะให้เพิ่มเติมคือ เสียงของ 6 รัฐมนตรีที่ไปพบนายกฯ เมื่อวานนี้ ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ของพรรค และถ้ามีการประชุมพรรคทั้ง 6 รัฐมนตรี ควรจะมาชี้แจงต่อที่ประชุม

เมื่อถามย้ำว่า มีข่าวการเปิดไฟเขียวให้มีการเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค นายวิรัช กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องไปสอบถามแหล่งข่าวที่บอกมาว่าจะเปลี่ยนเป็นใคร เปลี่ยนเป็นอย่างไร

หนึ่งในรัฐมนตรี นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าพล.อ.ประวิตร มีแนวคิด นโยบายและยุทธศาสตร์ในการบริหารพรรคที่เตรียมในการเลือกตั้ง และต้องยอมรับว่า เราอยู่มาเกิน 2 ปีแล้ว ครึ่งทางแล้วเหมือนช่วงขึ้นเขากำลังเดินลงเขา ก็จะต้องเตรียมสถานการณ์ตลอดเวลา

“การปรับโครงสร้างพรรคต้องเป็นมติของกรรมการบริหารพรรค โดยผมเป็นแค่ 1 หนึ่งเสียงยังไม่สามารถตอบได้ จะต้องไปดูว่าแนวคิดและนโยบายของผู้ใหญ่ในพรรคเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าภายในพรรค พปชร.เคารพการตัดสินใจของหัวหน้าพรรค ซึ่งการจะเปลี่ยนแปลงปรับโครงสร้างให้ทุกอย่างดีขึ้น ขึ้นอยู่กับนโยบายของหัวหน้าพรรค เราน้อมรับ” นายสุชาติ กล่าว

เมื่อถามว่า ในช่วง 1-2 เดือนนี้ พรรค พปชร. จะมีการขยับปรับเปลี่ยนภายในพรรคหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ทุกพรรคมีการขยับอยู่แล้ว ส่วนเมื่อวานนี้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เรียก 6 รัฐมนตรีเข้าพูดคุยหารือจะมีการปรับโครงสร้างพรรคพปชร. หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวปฏิเสธว่า นายกรัฐมนตรีไม่ใช่สมาชิกพรรค ไม่เกี่ยวกับพรรคอยู่แล้ว และไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องดังกล่าว แต่มีการพูดคุยถึงการทำงานของกระทรวงแรงงาน ยอมรับว่า การบริหารราชการแผ่นดินรัฐมนตรีทุกคนมาจากพรรค

เมื่อถามว่า มีการมองว่า พรรคพปชร.กำลังจะแตกนายสุชาติ กล่าวว่า เรามีหัวหน้าพรรคที่ให้ความเคารพและศรัทธาในหัวหน้าพรรค ซึ่งพรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมือง บางครั้ง การจะปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองก็ต้องปรับกันไป ไม่มีอะไรอยู่กับที่เพื่อหาจุดสมดุล และยอมรับว่าพรรคพปชร.ก็ปรับมาหลายรอบและดีขึ้นตลอด รวมถึงมั่นใจว่าการปรับโครงสร้างพรรคพปชร.ครั้งนี้จะไม่เกิดกระแสวัดพลังกัน ซึ่งเป็นความคิดเห็นของตนเพียงคนเดียว ไม่ใช่ความคิดเห็นของกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด

เมื่อถามถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าท่านอาจจะมาเป็นเลขาธิการพรรคพปชร.คนใหม่ นายสุชาติ กล่าวว่า “ถึงวันนั้นค่อยว่ากัน”

ทางด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การหารือระหว่าง นายกฯ และ 6 รัฐมนตรี ซึ่งประกอบด้วย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ทำให้มีการคาดการณ์กันไปต่างๆ นานา

แต่ที่จริงแล้วเป็นการหารือเรื่องการทำงาน การบริหารราชการแผ่นดินรวมถึงการแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพี่น้องประชาชนและเพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งที่ผ่านมาเราเสียโอกาสไปมากในช่วงที่มีการระบาดโควิด-19 ยืนยันไม่ได้เกี่ยวการเมือง นายกรัฐมนตรีทำหน้าที่บริหารราชการประเทศ ไม่ก้าวก่ายการทำงานของพรรคพลังประชารัฐ การเมืองเป็นเรื่องของหัวหน้าพรรค นายกรัฐมนตรีเป็นบุคคลภายนอกพรรค ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง การกระทำการใดๆ เกี่ยวกับการเมือง นายกรัฐมนตรีไม่สามารถทำได้ และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีระมัดระวังเรื่องนี้มาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม คงต้องรอติดตามว่าเรื่องนี้จะมีความคืบหน้าอย่างไร โดยล่าสุดมีการตรวจสอบว่า กรรมการบริหารจะลาออกไม่ถึงครึ่งหนึ่งแน่นอน เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ตามที่สื่อระบุ กระแสข่าวที่ออกมาน่าจะเป็นการจงใจปล่อยข่าวจากผู้ที่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียหากมีการเปลี่ยนแปลงของคณะกรรมการบริหารพรรคมากกว่าที่จะเป็นเรื่องจริง ต้องติดตามว่า จะมีการยื่นหนังสือลาออกในวันนี้ (26 ต.ค.) จริงหรือไม่