จับตา ‘โจ ไบเดน’ – ‘สี จิ้นผิง’ กล่าวสุนทรพจน์การประชุมเอเปค คาดมุ่งประเด็นการค้าและเศรษฐกิจ

โจ ไบเดน – สี จิ้นผิง เตรียมกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเอเปค คาดมุ่งประเด็นความร่วมมือด้านการค้า, เศรษฐกิจ และการแก้ไขปัญหาโควิด-19

วันที่ 12 พ.ย. 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เตรียมกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก หรือเอเปค ในช่วงเย็นวันนี้ โดยการกล่าวสุนทรพจน์ของสองผู้นำโลกครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดด้านการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังเพิ่มขึ้นในภูมิภาค

รายงานระบุว่า การประชุมของ 21 ชาติสมาชิกเอเปคในสัปดาห์นี้มีจีนเป็นผู้กำหนดทิศทางการประชุม โดยเมื่อวานนี้ (11 พ.ย.) ประธานาธิบดีสีได้กล่าวผ่านทางวิดีโอที่มีการบันทึกไว้ล่วงหน้า เตือนว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกไม่ควรกลับสู่การเผชิญหน้าและการแตกแยกเหมือนในยุคสงครามเย็น

อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์สได้ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีสีอาจกล่าวเป็นนัยถึงความพยายามของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรในภูมิภาคเพื่อคานอำนาจที่เพิ่มขึ้นของจีนในด้านเศรษฐกิจและการทหาร

ด้านทำเนียบข่าวของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีไบเดนจะกล่าวสุนทรพจน์ในเวลาประมาณเที่ยงคืนของนิวซีแลนด์ โดยจะพูดถึงความพยายามในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 และการส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจทั่วโลก

“การมีส่วนร่วมของท่านประธานาธิบดีแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ที่มีต่อภูมิภาคอินโดแปซิฟิกและความร่วมมือระดับพหุภาคี” ทำเนียบขาวระบุในแถลงการณ์

ขณะเดียวกัน กระทรวงต่างประเทศของจีนก็ได้ออกมายืนยันว่า ประธานาธิบดีสีจะกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมดังกล่าวผ่านทางวิดีโอลิงก์

นอกจากผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำจีนแล้ว ยังคาดว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย และประธานาธิบดีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา จะกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเอเปคด้วยเช่นกัน

สำหรับการประชุมผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก หรือเอเปค นับเป็นการประชุมพหุภาคีรายการสุดท้ายที่เกิดขึ้นในปีนี้ หลังจากที่มีการประชุมสำคัญๆ อย่าง การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ G20 เมื่อปลายเดือนต.ค. ที่ผ่านมา และการประชุมสุดยอดด้านสภาพอากาศ COP26 ที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์

ทั้งนี้ การประชุมเอเปคในปีนี้ ซึ่งมีนิวซีแลนด์เป็นเจ้าภาพ ถูกจัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ทั้งหมด เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่วนการประชุมปีหน้าจะจัดขึ้นที่ประเทศไทย