SHARE

คัดลอกแล้ว

บทสัมภาษณ์โอบแอน’ 2 นักแสดงนำจาก หนังรักคอมเมดี้สไตล์อีสานที่ชวนคิดถึงบ้านผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด’ 

ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด…’ ภาพยนตร์รักไนบักขามขั่ว นัวส์ในอารมณ์ โรแมนติกคอมเมดี้แบบฉบับอีสานขนานแท้ที่จะพาทุกคนอบอุ่นใจและสนุกฮาคักฮักหลายแบบไทบ้าน เมื่อความคิดฮอดพาใจกลับคืนถิ่นอีสาน ความรักแบบบ้านๆ จึงบังเกิดโดยไม่คาดฝันที่ได้นักแสดงหนุ่มสุดฮอตอย่างโอบ โอบนิิธิมาพลิกบทบาทครั้งแรกในบทบาทหนุ่มอีสาน และราชินีหมอลำเน็ตไอดอลสาวสุดโด่งดัง ‘แอน อรดี

ผลงานการกำกับครั้งใหม่ของบอย อุเทน ศรีริว’ ผู้กำกับที่เคยฝากผลงานความสนุกฮาจาก ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานอินดี้ (2557) จนเกิดเป็นกระแสดังในโลกออนไลน์กระจายมาสู่กรุงเทพฯ ก่อนจะกลายเป็น ‘ภาพยนตร์ไทยเรื่องฮิตแห่งปี อย่างเหนือความคาดหมาย   

งานนี้ workpointTODAY PLAY ได้มีโอกาสร่วมพูดคุยกับสองนักแสดงนำ โอบ โอบนิธิ เเละ แอน อรดี ที่จะมาเล่าถึงเบื้องลึกเบื้องหลังภาพยนตร์ ก่อนไปรับชมภาพยนตร์แบบเต็มๆ 18 ..นี้

โอบ โอบนิธิ: ผม โอบ โอบนิธิ นะครับ รับบทเป็นเคน เป็นผู้บ่าวไทบ้านนี่เเหละ ที่เป็นหนุ่มไปทำงานที่กรุงเทพฯ เเล้วก็วันหนึ่งมีความฝันว่าอยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจ โอบก็เลยเดินทางกลับมาที่ภาคอีสาน บ้านเกิด เพื่อจะเปิดร้านลาบเป็นความฝันของตัวเอง 

แอน อรดี: ส่วนแอนนะคะ รับบทเป็นเฟิร์นค่ะ สาวโรงงานที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ แล้วก็เป็นหัวหน้าครอบครัวดูเเลน้องดูเเลคุณแม่ เเล้วก็เป็นคนที่จริงจังกับทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความรัก การงาน เเล้วก็มีความฝันว่าอยากจะสอบชิงทุนเพื่อที่จะเลื่อนตำเเหน่งไปอยู่ที่ต่างประเทศ แต่ผลสุดท้ายเเล้วก็ไม่ได้ไปค่ะ

มีรู้สึกกดดันเเละท้าทายกับภาพยนตร์ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วดบ้างไหม

โอบ โอบนิธิ: ถือว่าเป็นบทบาทที่ท้าทายมากๆ เพราะว่าปกติ เราจะใช้ภาษากลางในการสื่อสารไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ หรือว่าจะเป็นละครก็ตาม แต่ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยที่ได้มาใช้ภาษาอีสานในการถ่ายทำในการเเสดง ก็รู้สึกว่าค่อนข้างยากเพราะว่าเป็นภาษาที่เราไม่ค่อยได้คุ้นเคย แต่วันหนึ่งที่เราตกลงตอบรับว่าเราจะเล่นเเล้ว เราก็ต้องทำให้มันได้

แอน อรดี: ก็ท้าทายค่ะ รู้สึกกดดันค่ะเพราะว่ามีโอกาสได้ร่วมเเสดงกับน้องโอบนะคะ ก็เหมือนเป็นนักแสดงที่เราติดตามผลงานอยู่เเล้ว พอได้ข่าวว่าจะมาแสดงคู่กัน เราก็แบบ เป็นอย่างไรนะ จะออกมาดีไหม 

กระแสตอบรับหลังปล่อยทีเซอร์แรก

โอบ โอบนิธิ: ทีเซอร์แรกหรอครับ ก็มีคนอยากดูหลายคนเลย ด้วยความที่ตึงเครียดมาพอสมควรแล้ว คือหลายๆ คนก็อยากจะได้อะไรที่มันผ่อนคลายสบายๆ ดูเเล้วย่อยง่ายๆ ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ถือว่า เป็นอีกหนึ่งหนังที่เหมาะกับเพื่อเอนเตอร์เทนคนในช่วงนี้

แอน อรดี: เนื้อหาก็ไม่ได้ลึกเกินไป คือใครดูก็เข้าใจ

โอบ โอบนิธิ: ไม่ว่าจะคนภาคกลางเอง

แอน อรดี: ภาคไหนๆ ก็สามารถดูได้ 

การปรับตัวให้เข้ากับบทบาท ‘เคน’ เเละ ‘เฟิร์น’

โอบ โอบนิธิ: จริงๆ ก็ยากครับผม เพราะว่าเราด้วยความที่เราเป็นเด็กกรุงเทพฯ จะมาเป็นผู้บ่าวไทบ้าน แบบต้องเป็นวัยรุ่น แบบวัยรุ่นอีสานนะ เป็นผู้บ่าวนะ เราก็โชคดีที่มีผู้กำกับคอยช่วยไกด์นู้นนี่นั่นให้ เเล้วก็ด้วยซีน ด้วยฉาก ด้วยเสื้อผ้า หน้าผม ต่างๆ มันก็ช่วยส่งเสริมเราให้สามารถเป็นคาแรกเตอร์นั้นได้ แต่สุดท้ายให้คนดูต้องเป็นคนตัดสินใจ

แอน อรดี: ส่วนแอนก็ จริงๆค่อนข้างที่จะคล้ายกับชีวิตตัวเองค่ะ เพราะว่าเป็นคนที่จริงจังอยู่เหมือนกัน กับทุกๆ เรื่อง แตกต่างกันแค่อาชีพตัวเองเท่านั้นเอง ก็ไม่ได้ปรับอะไรมากมายค่ะ

การรับบทหนุ่มอีสานครั้งแรกของ โอบ โอบนิธิ

โอบ โอบนิธิ: ก็จริงๆ เเล้ว คือผมก็พยายาม คนในกองก็พยายามพูดภาษาอีสานให้ผมได้พยายามซึบซับได้มากที่สุด สำคัญก็คือมีล่าม (หัวเราะ) มีล่ามที่คอยแปลภาษากลางเป็นภาษาอีสาน เเล้วก็แปลภาษาอีสานเป็นภาษากลางให้ผม แล้วก็จะมีพี่ๆ ทุกคนคอยช่วยกันว่า จะต้องออกเสียงสำเนียงประมาณนี้ ก็ดีที่ทุกคนคอยให้ความช่วยเหลือทุกคนเลย

 คำไหนที่ออกเสียงยากที่สุดหรอครับ ไม่แน่ใจแต่คือเป็นตอนประโยคในการถ่ายนี่เเหละครับ เป็นประโยคยาวๆ ประโยคหนึ่ง แต่ว่าวรรณยุกต์จะ ขึ้น ลง ขึ้น ลง คือบางทีเราปรับตัวไม่ทันก็จะแบบว่าเหินไปคำหนึ่ง อีกคำหนึ่งก็ลงมาไม่ทัน เหมือนร้องเพลงผิดคีย์เหมือนกัน

แอน อรดี: เหมือนเพี้ยนไป

โอบ โอบนิธิ: ใช่ๆ เหมือนเพี้ยนไปไม่ตรงตามสำเนียงเขา แต่ว่าถ้าเป็นคำๆ หนึ่งเลยเป็นคำอะไรผมจำไม่ได้ มีคำๆ หนึ่งที่แบบว่าแก้ในหนังเยอะมาก

วัฒนธรรมภาคอีสานที่ไม่รู้จักหรือประทับใจบ้างไหม สำหรับโอบ 

โอบ โอบนิธิ: จริงๆ เเล้วที่ที่เราไปถ่ายทำเป็นที่ที่เหมือนแบบว่า บ้านเขาไม่มีรั้วเลยด้วยซ้ำ  คือเส้นทางที่เราไปถ่ายถนนเข้าไปไม่ถึง ยังเป็นดินสีเเดงเลย เหมือนกับบ้านแบบจะมีเเค่เสากั้นธรรมดาเล็กๆ น้อยๆ

แอน อรดี: เป็นตาข่ายทำเป็นรั้ว

โอบ โอบนิธิ: ใช่ แต่ละหมู่บ้าน แต่ละคน เเต่ละบ้านก็จะมีความแบบว่าเอื้อเฟื้อ เผื่อเเผ่กัน บ้านนี้มีของกินแบบนี้ก็เอามาแบ่งบ้านนี้กิน อะไรแบบนี้ ก็จะประมาณนี้ เเล้วที่สำคัญก็คือตอนเช้าที่เราจะไปถ่ายทำเราจะเห็นทุกเช้าเลยว่าจะมีฝูงควายประมาณ 40-50 ตัวเดินผ่านหน้าเราไป สิ่งที่สำคัญคือทุกคนก็จะบอกว่า เวลาควายเดินผ่านห้ามจ้องมันนะ ห้ามจ้องตานะ ก็เลยอยากรู้ว่าทำไมถึงจ้องตาไม่ได้ ก็เลยลองจ้องตาไปสักพักหนึ่ง ก็เลยเดินเข้ามาหาโอบเลย แต่โอบก็พยายามหันหน้าหนี คือเขาบอกว่าถ้ายิ่งไปจ้อง เหมือนมันจะรู้ว่าเราจะเข้าไปเล่นกับเขาหรืออะไรแบบนี้ เขาก็เลยแบบพุ่งเข้ามาหาเรา

สิ่งที่ได้รับกลับมาหลังจากที่ได้มารับบทบาท ‘เคน’ เเละ ‘เฟิร์น’ 

แอน อรดี: สิ่งที่ได้รับกลับมาแอนคิดว่าทั้งสองคาแรกเตอร์เลยทั้งโอบและแอน หนึ่งคือความกตัญญูที่มีต่อคุณพ่อ คุณแม่และครอบครัวตัวเอง อย่างโอบเขาต้องมาดูเเลคุณแม่ที่เป็นความจำเสื่อม แต่ด้วยความที่ตัวเองทำงานอยู่ไกลแล้วรู้ว่าแม่ป่วยหนักเเล้วนะ ต้องกลับไปบ้าน แอนก็เหมือนกัน แอนก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว สิ่งนี้เหมือนเวลาคนที่ได้ดูหนัง แอนคิดว่าเขาน่าจะได้อะไรกลับไป

โอบ โอบนิธิ: คือคอนเซปต์เรื่องมันจะประมาณแบบคือ ช่วงอายุของคนที่แบบว่า ช่วงวัยรุ่นอายุ 20 กว่าๆ จนแบบถึง 30 เกือบ 40 คนอีสานหรือคนต่างจังหวัดทุกคนจะเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ

แอน อรดี: อยากจะทำงานในกรุงเทพฯ

โอบ โอบนิธิ: ใช่ อยากจะมาหาเงินเพื่อส่งกลับไปให้ที่บ้านนั้นเเหละ ก็คือเหมือนกับว่า แต่วันหนึ่งในขณะที่เขาทำงานอยู่อาจจะเป็นบางโมเมนต์หรือบางเวลาที่เขาอาจจะลืมคนที่อยู่ที่บ้านเรา เขารอเราอยู่บ้าน คนที่เรารักหรือคนที่รักเรา เลยทำให้รู้สึกว่า พอคนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ จะทำให้ความรู้สึกว่าอยากกลับบ้านไปกอดคนที่บ้าน

แอน อรดี: ใช่ แม้กระทั่งเราเอง  แอนก็มีความรู้สึกว่า เราน่าจะให้ความสำคัญกับคนที่เรารัก ก่อนที่มันจะสายไป

โอบ โอบนิธิ: คือบางที่เราเข้าใจเเหละว่า กตัญญูคือการทำงาน ทำงานเพื่อหาเงินเเล้วก็ส่งกลับไปที่บ้าน แต่คือบางทีพ่อแม่บางคนก็แค่อยากให้กลับไปเจอหน้าเขาสักนิดนึง

การร่วมงานกับนักแสดงรุ่นใหญ่เเละรุ่นใหม่

โอบ โอบนิธิ: โอบนี่แทบจะไม่เคยเจอใครเลย ไม่เคยเจอนักแสดงกลุ่มนี้เลย หรือแม้จะเป็นพี่แอนหรือพี่เต้ย หรือใครก็ตาม ก็รู้สึกว่าเป็นการทำงานใหม่มากๆ  มันเหมือนเปิดโลกโอบเหมือนกันนะ หลังจากก่อนหน้านี้โอบไม่ค่อยดูหมอลำ แต่พอมารู้จักกับพี่แอน มันก็เป็นหนึ่งมุมมองที่แบบ เหมือนเป็นอีกโลกหนึ่งที่เหมือนมีคนที่เขาเสพสิ่งนี้อยู่แต่แค่เราไม่ได้เข้าไปอยู่ในสิ่งนี้ เราก็รู้สึกว่า มันก็แปลกดีเหมือนกันนะ คือก็รู้สึกว่า พอเราได้ไปฟังของพี่แอน เหมือนกี้คุยกับพี่แอน พี่แอนบอกว่าถ้าคนที่ไม่เคยฟังหมอลำ ถ้าไปฟังครั้งแรกมันเหมือนโดนมนต์สะกดอะไรบางอย่าง เห้ยมันส์ดี อะไรแบบนี้

การทำงานกับพี่บอย อุเทน ผู้กำกับผู้บ่าวไทบ้าน 

โอบ โอบนิธิ: พี่บอย เขาก็มีความชัดเจน ในความผู้บ่าวไทบ้านของเขานะ คือเราก็รู้สึก คือเขาก็ผ่านผลงานมาเยอะพอสมควรเลย แล้วก็เป็นผลงานที่ดังด้วย เราก็รู้สึกว่า ด้วยความที่เราเป็นเด็กน้อยก็ไม่ได้รู้ว่า หมายถึงตัวเราก็ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้ เราก็เลยเชื่อในไดเรกชั่นของเขา 

แอน อรดี: ส่วนแอนก็ เรื่องนี้แอนมารู้จักพี่บอยเป็นครั้งที่สองเเล้ว เพราะว่าเรื่องเเรกพี่บอยก็เป็นผู้กำกับผู้บ่าวไทบ้านเหมือนกัน ค่อนข้างที่จะสนิทกันในระดับหนึ่ง เพราะว่าเหมือนเคยไปกินข้าว เคยไปอยู่ในสังคมเดียวกัน ก็พอที่จะรู้จักกว่าเขาเป็นผู้กำกับ แต่พอได้มารวมงานกัน ในเวลาทำงานเขาเป็นคนที่จริงจังมาก จริงจังเเล้วก็ดุ เหมือนเขาจะพูดเล่น เเต่เขาเอาจริง แล้วเขาก็จะแบบ บางทีหนูก็นอยด์นะ บางทีหนูก็แบบจริงจังหรือเปล่าหรือว่ายังไง คือเราค่อนข้างที่จะดูเขาไม่ออก ว่าเขาเป็นแบบยังไง ด้วยความที่ว่า ถ้านอกเหนือเวลางานเขาจะเป็นคนที่เฟรนด์ลี่มากเป็นคนที่ขี้เล่น ชอบแกล้ง ที่สำคัญคือชอบแกล้ง ทุกคนโดนผู้กำกับแกล้งหมด แต่ว่าเขาเป็นคนที่มี ความตั้งใจอยากจะให้ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด ออกมาเป็นแบบนี้

เรื่องราวกองถ่ายที่ประทับใจ

แอน อรดี: ไม่รู้ว่าน้องจำได้ไหม แต่จำได้ว่า วันนั้นเราถ่ายกันก็ดึกนะ คือถ่ายกันบางทีถึง เช้า 6 โมงเช้าจนถึงเที่ยงคืนทุกวัน บางทีตี 1 ตี 3 ตี 4 ก็มีแล้วแต่ แต่คือวันนั้นจำได้ว่ามันจะมีซีนที่เราไปคาราโอเกะด้วยกัน เสร็จปุป เเล้วนี่ก็ต้องพา เฟิร์นกลับบ้าน เเล้วก็จะมีซีนที่แบบว่า เรามีความสุขกันแบบเฮฮา แล้วคือแบบซีนกองถ่ายเขาก็ขับรถตามเราคือนำหน้าเรานี่เเหละ เเล้วเขาก็จะแบบบอกขับไปเรื่อยๆ เลย ขับไปเรื่อยๆเลย น้องก็จะแบบขับไปเรื่อยๆ โดยที่มันแบบ มันเกินลิมิตทางที่เราน่าจะขับไปได้เเล้ว จำได้ไหมว่าหมาไล่เรา ด้วยความที่มันดึก คือทุกบ้านเขาปิดกันหมดเเล้ว ความรู้สึกเขาเหมือนอยากได้ภาพที่แบบว่าเริ่มที่จะเข้าสู่ในหมู่บ้านเเล้วนะ จะมาส่งนางเอกเเล้วนะ เขาบอกให้โอบขับไปเรื่อยๆ ด้วยความที่มอไซด์มันก็คันเล็ก

โอบ โอบนิธิ: เเล้วมันก็ไม่ค่อยเเข็งเเรง

แอน อรดี: ใช่ เเล้วเราก็ลุ้น ลุ้นด้วย เเล้วก็หมามา

โอบ โอบนิธิ: จะถึงไหมเนี่ย

แอน อรดี: มันทำให้เรารู้สึกแบบว่า โอ้ย

โอบ โอบนิธิ: กว่าจะผ่านมา

แอน อรดี: สงสารน้องนะเอาจริงๆ 

โอบ โอบนิธิ: ซีนที่ลำบากมีเยอะเเยะเลยนะครับผม โอบต้องพาพี่แอนเดินขึ้นบันไดกี่ขั้น

แอน อรดี: วัดพระบาทภูพานคํา น่าจะพันกว่าขั้นนะคะ

โอบ โอบนิธิ: ใช่เเล้วก็เดินไปด้วย ก็ถ่ายไปด้วย ทีมงานต้องแบกกล้องด้วย 

แอน อรดี: ตอนแรกเขาบอกว่าขึ้นแค่ครึ่งเดียว ครึ่งเดียวก็พอ แต่ไม่ใช่ค่ะ จนถึงข้างบนเลยค่ะ ไปไหว้พระเลย ก็ถือว่าคุ้มนะพระมองลงมาสวยมาก

ฉากที่ประทับใจที่สุดใน ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด’

โอบ โอบนิธิ: จริงๆ แล้วเป็นซีนของคนอื่นผมว่าสนุก คือผมชอบซีนที่แม่สองคนทะเลาะกันเรื่องบ้าน อนาเขตบ้านของตัวเอง ซึ่งแบบว่า อย่าข้ามมาได้ไหม หรือว่าควันลอยข้ามมาเเล้ว เขาเถียงกันสนุกมาก ขนาดโอบฟังแบบรู้เรื่องบ้าง แต่บางประโยคแอดวานซ์ไปหน่อย นั่งอยู่หลังมอนิเตอร์ ทุกคนแบบว่าไหล่โยกกันหมดเลยขำกันแบบเละเทะเลย

แอน อรดี: มันเป็นเรื่องจริงที่หยิบยกมา เข้ามาอยู่ในหนัง ซึ่งจริงๆ ทุกอย่างมันคือเรื่องจริงหมดเลย เป็นเรื่องใกล้ตัวมากๆ แต่ว่าการที่คุณยายสองคนมาเถียงกัน มันทำให้เราเห็นภาพว่าคนบ้านนอกเขาเป็นแบบนี้จริงๆ นะ แค่น้ำที่จะไหลไปนิดนึงเขาก็ไม่ให้ไล่เลยนะ บางคนที่บ้านเขาก็ไม่ถูกกัน ก็ถือว่าเป็นอะไรที่แบบว่าประทับใจ ดูเเล้วมันก็อินไปด้วย

ฝากถึงแฟนๆ ที่รอชมภาพยนตร์ ‘ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด’

แอน อรดี: อยากจะให้ทุกคนรอติดตามภาพยนตร์เรื่องนี้ ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด เป็นภาพยนตร์ที่เราสองคน แล้วก็ทีมงานทุกๆ ท่าน ตั้งใจเเล้วก็ถ่ายทำออกมาก็คือ ค่อนข้างที่จะนานเเล้วเเหละ เราอยากให้ทุกคนได้ดูกันจริงๆ ไม่อยากให้พลาด ทุกคนก็จะได้รับกลิ่นอายของความเป็นอีสาน ได้รับทุกๆ อารมณ์ของหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะความสนุกสนานเเหละ จากสถานการณ์ตึงเครียดกันมาเเล้วก็อยากให้ทุกคนไปดูกันเยอะๆ

โอบ โอบนิธิ: ก็ฝากละกันนะครับ วันที่ 18 ..นี้ ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด เข้าทุกโรงภาพยนตร์เลย  อย่างที่ผมบอกว่า จริงๆ เเล้วมันมีหลากหลายอารมณ์ แต่คอนเซปต์ที่โอบรู้สึกว่าโอบชอบ ก็คือแบบว่า พอคนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้พอดูเสร็จเเล้วก็จะมีความคิดถึงบ้าน อยากจะกลับไปกอดพ่อ กอดแม่ กอดคนที่เรารัก  กลับไปเจอคนในครอบครัว ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งละกันที่ ทุกคนอยากจะทำออกมาให้ผู้ชมทุกคนได้ดู ก็ฝาก ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด ด้วยครับ

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า