สู้สุดใจ แม้มื้อเย็นในห้างยังหงอย Sizzler ดันขยายสาขา-ออกเมนูใหม่ หวังยอดขายปี 65 เทียบเท่าก่อนโควิด

เรียกว่าเป็น 2 ปีที่ยากลำบากที่สุดของธุรกิจอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจอาหารที่ไม่เหมาะกับบริการเดลิเวอรี่หรือมีจุดขายเป็นการนั่งรับประทานอาหารในร้าน เช่นเดียวกันกับ ‘Sizzler’ ที่ผู้บริหารออกปากว่า “ทุกคนเจ็บมาสองปีแล้วและเราต้องไปต่อ” พร้อมกับประกาศตั้งเป้ายอดขายปี 2565 กลับมาเทียบเท่าก่อนโควิด

ลั่นปี 65 ดันยอดขายเท่าก่อนโควิด

‘กรีฑากร ศิริอัฐ’ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด ในเครือ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการร้านอาหารภายใต้แบรนด์ ‘ซิซซ์เล่อร์’ (Sizzler) ยืนยันว่า หลังจากผ่านการล็อกดาวน์หลายครั้งในปี 2564 นี้ยอดขายของ ‘ซิซซ์เล่อร์’ ตลอดปีที่ผ่านมาคิดเป็น 70% ของปี 2562 แล้ว หรือยังเหลือช่องว่างอีกราว 30% ก็จะสามารถกลับมามียอดขายเท่ากับก่อนโควิด-19

เมื่อประกอบกับการรับประทานอาหารในร้าน (dine-in) ที่มีแนวโน้มดีขึ้นและเดลิเวอรี่ที่มีแนวโน้มจะดีขึ้นในปีหน้า จึงทำให้ ‘ซิซซ์เล่อร์’ มั่นใจว่ายอดขายในปี 2565 จะสามารถกลับมาเทียบเท่ากับระดับก่อนโควิด-19 ได้

คนยังไม่กลับเข้าห้างเต็มร้อย มื้อเย็นยังหงอยอยู่

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันถ้าเทียบยอดขายแบบเดือนต่อเดือนในเดือน พ.ย. ที่ผ่านมากับเดือนเดียวกันในปี 2562 ยอดขายในเดือน พ.ย. 2564 ก็ยังคงน้อยกว่าราว 10-15% เพราะปัญหาจากปริมาณลูกค้าในช่วงเย็นและค่ำที่ยังคงไม่กลับมาคึกคักเท่ากับก่อนโควิด-19

“เดี๋ยวนี้ห้างเงียบเร็วมาก แค่ช่วงทุ่มครึ่งสองทุ่มก็เงียบแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเวลานี้เป็นเวลาพีคที่สุดของห้าง เพราะคนส่วนหนึ่งยังไม่กลับมากินทานอาหารในห้างในร้าน ทำให้ทราฟิกของห้างในช่วงเย็นยังแตกต่างกับเมื่อก่อนอย่างชัดเจน”

เตรียมขยายสาขาดันยอดขายปี 65

ถึงอย่างนั้นเพื่อผลักดันยอดขายในปี 2565 เพื่อฟื้นคืนธุรกิจและเดินตามแผนที่วางไว้ ‘ซิซซ์เล่อร์’ จึงเดินหน้าเปิดบริการสาขาใหม่และรีโนเวทสาขาเดิมที่ตั้งใจไว้ให้เสร็จสิ้นในปีนี้ให้เท่ากับช่วงก่อนโควิด-19 

ปัจจุบันมีสาขารวม 52 สาขา เตรียมเปิดให้บริการหลังรีโนเวทอีก 2 สาขา ได้แก่ สาขาเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ และสาขาเดอะมอลล์ ท่าพระ และเตรียมเปิดบริการใหม่อีก 3 สาขา ได้แก่ สาขาโรบินสัน สระบุรี โรบินสัน ฉะเชิงเทรา และโรบินสัน ศรีสมาน รวมงบลงทุน 3 สาขาราว 50 ล้านบาท

ทำให้ในช่วงปลายปี 2564 นี้ ‘ซิซซ์เล่อร์’ จะมีสาขาให้บริการรวม 57 สาขา พร้อมคลาวน์คิชเชน 4 สาขาและ ‘ซิซซ์เล่อร์ ทู โก’ 6 สาขา (พิจารณาเปิดสาขาเพิ่มในปี 2565)

ส่วนปีหน้าตั้งใจจะเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 3-5 สาขา กำหนดเป็นในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอย่างละครึ่ง โดยใช้งบประมาณสาขาละ 15-17 ล้านบาท หนึ่งในนั้นอาจจะมีสาขาภูเก็ตที่ดำเนินการค้างไว้ เพราะชะงักไปจากช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา โดยผู้บริหารยอมรับว่า การลงทุนเป็นไปอย่างระมัดระวังและเลือกขยายสาขาในพื้นที่ที่มั่นใจในยอดขายเท่านั้น

‘ซิซซ์เล่อร์’ เชื่อเดลิเวอรี่ยังไปต่อได้

ในส่วนของ ‘เดลิเวอรี่’ ผู้บริหารของ ‘ซิซซ์เล่อร์’ เชื่อว่า วิกฤตที่ผ่านมาทำให้ลูกค้าเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมแตกต่างกันออกไป มีทั้งลูกค้าที่ยังคงสั่งเดลิเวอรี่อยู่ แม้ว่าจะสามารถกลับมานั่งรับประทานอาหารในร้านได้แล้ว และก็มีลูกค้าที่ต้องการเข้ามานั่งรับประทานอาหารในร้านเช่นกัน

“ตอนนี้สัดส่วนการรับประทานอาหารในร้านอยู่ราวๆ 85% และเดลิเวอรี่ประมาณ 15% เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาลูกค้าสามารถกลับมารับประทานอาหารในร้านได้แล้ว แม้จะยังไม่ปกติเท่ากับช่วงสองปีที่แล้ว แต่ว่ายอดขายลูกค้าที่เข้ามานั่งทานในร้านก็ดีขึ้นเรื่อยๆ 

ส่วนเดลิเวอรี่มียอดลดลงเล็กน้อยราว 10% หลังจากหมดช่วงล็อกดาวน์ แต่ก็ยังทรงตัวอยู่และยังคงเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าหากเทียบยอดขายเดือนต่อเดือนกับช่วงต้นปี เราเชื่อว่าเดลิเวอรี่กลายเป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมคนไทยไปแล้ว เราจะรอจังหวะที่จะขยับขยายต่อในปีหน้า ทั้งการทำโปรโมชันและออกโปรดักส์ใหม่ๆ มาตอบสนองความต้องการของลูกค้า”

เมื่อถามถึงความกังวลเกี่ยวกับโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ‘กรีฑากร’ เผยว่า ซิซซ์เล่อร์ยังคงบริหารจัดการเหมือนกับมีโควิด-19 อยู่ตลอดเวลาและมีแผนรองรับการทำงานในช่วงโควิด-19 รวมถึงยังสามารถเปิด-ปิดบริการได้รวดเร็วทันทีที่มีนโยบายการเปิดปิดร้านอาหาร และยืนยันว่ายังคงทำงานไปพร้อมๆ กับโควิดตลอดเวลา เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงใจมากขึ้น

สู้สุดใจเร่งอัดเมนูใหม่ ดันยอดใช้จ่าย

ด้าน ‘นงชนก สถานานนท์’ ผู้ช่วยรองประธานบริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด ในเครือ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการร้านอาหารภายใต้แบรนด์ ‘ซิซซ์เล่อร์’ เล่าถึงเมนูใหม่ว่า ปกติ ‘ซิซซ์เล่อร์’ มักจะมีเมนูใหม่ออกมาดึงดูดลูกค้าทุกเดือนสองเดือนอยู่แล้ว ยิ่งในช่วงเทศกาลปลายปีแบบนี้ยิ่งต้องออกเมนูใหม่ๆ มาดึงดูดผู้บริโภคในกลุ่มครอบครัวและคนทำงานให้เลือก ‘ซิซซ์เล่อร์’ เป็นที่เฉลิมฉลอง

โดยในเดือน ธ.ค. นี้ ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกที่ ‘ซิซซ์เล่อร์’ ออกเมนูขนมหวานเมนูใหม่ นอกเหนือจากเมนูในสลัดบาร์ เป็นเมนูไอศกรีม 2 รสชาติ ได้แก่ ไอศกรีมช็อคโกแลตมูส (Chocolate Mousse Ice Cream) และ ไอศกรีมชีสโทสต์ (Cheese Toast Ice cream) ในราคาเพียงถ้วยละ 49 บาท (ปกติ 69 บาท) รวมถึงทาร์ตไข่ (Egg Tart) ในราคาพิเศษ 2 ชิ้นเพียง 39 บาท (ปกติ 60 บาท)

นอกจากนั้น ก็ยังมีเมนูพิเศษรับเทศกาลวันพ่อ ‘Happy Father’s Day’ อย่างเมนูล็อบสเตอร์ซอสไข่เค็ม พร้อมสปาเก็ตตีโอริโอ้ เมนูสเต๊กปลาเทราต์ รวมถึงเมนูเทศกาลเฉลิมฉลอง ‘Festive Season’ อย่างเมนูสเต๊กเนื้อพันเบคอน เมนูสเต๊กปลาเทราต์ลุยสวน และเมนูสเต๊กไก่ซูวี พร้อมเบรดพุดดิ้ง และซอสไวน์แดง 

“คาดว่าเมนูใหม่ของเราจะช่วยดึงกลุ่มลูกค้าเข้ามารับประทานอาหารตอนเย็นได้ แม้ทราฟิกในห้างช่วงเย็นจะลดลง แต่เราก็สู้สุดใจ เพื่อดึงลูกค้าเข้ามาทานในร้าน ในส่วนของเมนูขนมที่เพิ่มเติมขึ้นมาเป็นเมนูพรีเมี่ยมในราคาแมส อยากให้ลูกค้ารู้สึกว่าจ่ายเพิ่มอีกนิดก็ได้ขนมแล้วและสามารถตุนขนมกลับไปทานที่บ้านได้ด้วย รวมถึงสามารถเพิ่มยอดใช้จ่ายให้กับเราได้ในช่วงปลายปีนี้”