ตามอีก 133 ผู้เดินทางปท.เสี่ยง ‘โอไมครอน’ ศบค.ย้ำเร่งติดตามทุกช่องทาง

ศบค.เผย 39 ประเทศทั่วโลกติดโควิด-19 สายพันธุ์ ‘โอไมครอน’ ไทยคุมเข้มมาตรการพร้อมเร่งติดตาม นทท.กลุ่มเสี่ยง 8 ประเทศทวีปแอฟริกา ล่าสุดตามได้แล้ว 44 ราย

วันที่ 3 ธ.ค. 2564 พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้ช่วยรองโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. แถลงถึงความคืบหน้าการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนว่า มีการพบเชื้อแล้ว 39 ประเทศทั่วโลก ส่วนใหญ่เป็นการพบเชื้อนำเข้า (Imported Case) ยังไม่พบการระบาดจากภายในประเทศ เช่น ทวีปแอฟริกาพบการติดเชื้อเพิ่มในประเทศกานา ทวีปเอเชียพบในยูเออี ซาอุดิอาระเบีย และอินเดีย ทวีปยุโรปพบที่นอร์เวย์ ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส และไอร์แลนด์ และในทวีปอเมริกาล่าสุดพบเชื้อในสหรัฐฯ

พญ.สุมนี กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัวผู้เดินจากทวีปแอฟริกาจากกลุ่มเสี่ยง 8 ประเทศเข้ามาในประเทศไทยว่า ตั้งแต่วันที่ 15-27 พ.ย.64 มีจำนวน 333 ราย อยู่ครบ 14 วันแล้ว 105 ราย และยังไม่ครบ 14 วันจำนวน 167 ราย เจ้าหน้าที่ติดตามได้แล้ว 44 ราย พร้อมกับเร่งติดต่อผ่านทุกช่องทางเพื่อให้เข้ามาตรวจ RT-PCR อย่างเร็วที่สุดโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

สำหรับผู้เดินทางจากทวีปแอฟริกาเข้ามาในไทยแบ่งเป็น กลุ่มนักเดินทางที่เดินทางเข้ามาช่วง 15 พ.ย.-27 พ.ย. กลุ่มนี้เป็นกลุ่มเดินทางมาจาก 8 ประเทศกลุ่มเสี่ยงมีทั้งหมด 333 ราย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม

• กลุ่มที่เดินทางออกจากประเทศไปแล้ว 61 ราย
• กลุ่มที่ครบกำหนด14วัน ไม่ต้องตามแล้ว 105 ราย
• กลุ่มที่ยังไม่ครบ 14 วัน หลังจากออกจากสถานที่กักตัวแล้ว 167 ราย กลุ่มนี้ต้องติดตามให้มาตรวจ RT-PCR ซ้ำอย่างเร็วที่สุด 

พญ.สุมนี กล่าวว่า ขณะนี้ตามได้แล้ว 50 คน ส่วนอีก 133 คน มีข้อมูลครบแล้วกำลังติดตามทุกทางอย่างต่อเนื่อง ทั้งอีเมล แอพพลิเคชัน หมอชนะ หรือ ทางเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้กับโรงแรม และสถานที่พัก เพื่อให้นักท่องเที่ยว นักเดินทาง นำข้อความเข้าไปตรวจ RT-PCR ในสถานพยาบาลฟรี เพื่อให้มีความมั่นใจว่าไทยเราปลอดจากเชื้อโอไมครอน ศบค.กำชับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้กำชับโรงแรมที่พักให้นักท่องเที่ยวลงข้อมูลผ่านทางแอพพลิเคชัน

ความแตกต่างของผู้เดินทางมาจากทวีปแอฟริกา คือกลุ่มเสี่ยงสูงจาก 8 ประเทศ จำนวน 333 ราย ซึ่งกลุ่มนี้จะต้องเร่งติดตามตัวมาตรวจเชื้อซ้ำให้ครบ ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มเสี่ยงต่ำมาจากประเทศอื่นในทวีปแอฟริกา จำนวน 453 ราย ไม่ต้องตรวจ RT-PCR ซ้ำ แต่ให้สังเกตอาการหลังจากออกแซนด์บอกซ์ภายใน 14 วัน หากพบมีอาการจะต้องเข้ารับการตรวจ RT-PCR

• ไทยติดโควิด-19 ลดลง

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้พบผู้ป่วยรายใหม่ 4,912 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 4,606 ราย และการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 136 ราย จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 157 ราย และผู้เดินทางจากต่างประเทศ 13 ราย มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม 33 ราย

จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ ชลบุรี สมุทรปราการ ขอนแก่น และยะลา อย่างไรก็ตามในทุกจังหวัดมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อลดลง

• เร่งฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง ขอเช็กระยะห่างในการฉีด

จำนวนผู้ได้รับวัคซีนตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-2 ธ.ค.64 เพิ่มขึ้น 527,092 โดส รวมสะสม 94,280,248 โดส แบ่งเป็นวัคซีนเข็มแรก 48,732,951 โดส เข็มที่สอง 41,979,486 โดส และเข็มที่สาม 3,567,811 โดส พร้อมเร่งระดมฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยงมากขึ้น ทั้งกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง ให้ฉีดให้ได้ครอบคลุม 80% เพราะไทยมีการเปิดประเทศแล้ว เชื้อโรคมีการพัฒนาสายพันธุ์มากขึ้น และขณะนี้มีวัคซีนให้ฉีดได้หลายตัว ดังนั้น ขอให้ตรวจเช็คระยะห่างในการรับวัคซีนระหว่างเข็ม 1-2 และ เข็มกระตุ้นให้ดีก่อนเข้ารับบริการ
สำหรับเดือน ธ.ค. เป็นช่วงของการท่องเที่ยว ขอให้ทุกส่วนช่วยกัน รักษามาตรฐานการป้องกันโควิด-19 ป้องกันตัวเองสูงที่สุด ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนก็ตาม ขอให้เข้ารับวัคซีนเพิ่มให้ได้มากที่สุด ถ้าเราช่วยกันป้องกันส่วนบุคคลและฉีดวัคซีนเพิ่มจะช่วยได้