รายงานประเมินภัยคุกคามไต้หวันระบุจีนอาจเจอปัญหาหากคิดบุกรุก และจะไม่ใช่ศึกด้านเดียว จากการที่จีนไปสร้างศัตรูไว้รอบตัว
วันที่ 13 ธ.ค. 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์ส (Reuters) รายงานว่า กระทรวงกลาโหมของไต้หวันได้จัดทำรายงานประเมินภัยคุกคามเพื่อนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร มีเนื้อหาระบุถึงการรับมือต่อการบุกรุกของกองทัพจีน โดยชี้ว่าจีนจะพบกับความยากลำบาก หากตัดสินใจบุกไต้หวันเต็มรูปแบบ
รายงานชิ้นนี้ระบุว่า จีนจะไม่สามารถนำกำลังทหารทั้งหมดเข้ามาในเกาะไต้หวันได้ในครั้งเดียว และจะต้องใช้วิธีที่แตกต่างจากมาตรฐานทั่วไป ในการทยอยนำกำลังเข้ามาทั้งทางน้ำและทางอากาศ ซึ่งจำเป็นจะต้องยึดท่าเรือและสนามบินให้ได้เสียก่อน
ซึ่งในจุดนี้เอง ไต้หวันมั่นใจว่ามีการป้องกันสนามบินและท่าเรือที่แข็งแกร่งพอ และจะไม่ถูกยึดได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
นอกจากปัญหาในเรื่องการนำกำลังเข้ายึดแล้ว จีนอาจจะต้องเจอกับอุปสรรคเรื่องการขนส่งอาวุธ เสบียง และยาผ่านช่องแคบไต้หวันเช่นกัน
กองทัพไต้หวันชี้ว่า การมีช่องแคบคั่นกลางระหว่างเกาะไต้หวันกับจีนแผ่นดินใหญ่ เปรียบเสมือนการมีคูเมืองตามธรรมชาติ ที่สามารถชะลอการขนส่งของข้าศึกได้ และไต้หวันยังสามารถร่วมมือกับกองกำลังต่างชาติ ในการตัดเส้นทางขนส่งของกองทัพคอมมิวนิสต์ได้อีกด้วย
และจากสถานการณ์ดังกล่าว ยังมีการประเมินว่าหากจีนบุกไต้หวันจริง ก็จะต้องมีกำลังสำรองเพื่อปกป้องประเทศ หากว่ากองทัพจากต่างชาติเคลื่อนพลเข้ามาช่วยไต้หวัน และยังต้องจับตาสถานการณ์ตามชายแดนที่เปราะบางอย่างใกล้ชิด อย่างเช่นในบริเวณชายแดนที่ติดกับอินเดีย ที่เกิดความตึงเครียดขึ้นบ่อยครั้ง และน่านน้ำในทะเลจีนใต้ ที่จีนไปสร้างปัญหาไว้กับอีกหลายประเทศ
อีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้จีนประสบปัญหา คือการที่มีฐานทัพสหรัฐฯ และญี่ปุ่นตั้งอยู่ใกล้กับไต้หวัน ซึ่งการจู่โจมจากฝั่งจีนคอมมิวนิสต์นั้นได้ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดอยู่ตลอด และจีนเองก็ต้องระวังกรณีถูกกองกำลังต่างชาติเข้าแทรกแซงด้วย
ทางรัฐบาลไต้หวันยังมีแผนที่จะใช้งบประมาณเพิ่มเติม 2.4 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวัน (2.88 แสนล้านบาท) ตลอด 5 ปีข้างหน้าไปกับอาวุธทางทะเล รวมไปถึงขีปนาวุธและเรือรบ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการพัฒนากองทัพให้ทันสมัย เพื่อรับมือกับการรุกรานของจีนแผ่นดินใหญ่