มากกว่าร้านกาแฟ ‘The Coffee Club’ ร้าน All-Day Dining จากออสเตรเลีย ที่เปิดสาขาในไทยมานานกว่า 10 ปี

 ‘The Coffee Club’ (เดอะ คอฟฟี่ คลับ) ร้านกาแฟสัญชาติออสเตรเลีย หลายๆ คนอาจเคยเห็นตั้งอยู่ตามจุดสำคัญใจกลางเมือง หรือตามจังหวัดท่องเที่ยว ตอนนี้ก็ผ่านมาแล้วกว่า 10 ปีที่ได้เปิดสาขาในไทย ด้วยจุดเด่นเป็นร้านกาแฟแบบ All-Day Dining ขายอาหารตลอดทั้งวัน พร้อมบริการที่คนไทยเข้าถึงได้

โดย The Coffee Club ก่อตั้งขึ้นในประเทศออสเตรเลีย และได้รับความนิยมจนขยายสาขาไปยังประเทศต่างๆ กว่า 10 ประเทศ ปัจจุบันมีกว่า 400 สาขา สำหรับประเทศไทย The Coffee Club อยู่ภายใต้การดำเนินการของบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ปี 2553 

จากที่ผ่านมา แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นักท่องเที่ยวต่างชาติหดหาย แต่ปัจจุบัน The Coffee Club ได้กลับมาเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ 100% แล้วทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมกว่า 30 สาขา 

ทั้งนี้ได้ปรับกลยุทธ์ใหม่ ตั้งเป้าฐานกลุ่มลูกค้าคนไทยและลูกค้าต่างชาติ สัดส่วน 50:50 ซึ่งจะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าคนไทยให้มากขึ้น แต่เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่อาจจะยังไม่คุ้นเคยแบรนด์ The Coffee Club เท่ากับแบรนด์อื่นๆ ในไมเนอร์ ฟู้ดมากนัก ไม่รู้ว่าขายอะไรและตั้งอยู่ที่ไหนบ้าง

ทำให้กลายเป็นโจทย์ใหญ่ในการปรับกลยุทธ์ของ The Coffee Club ที่ต้องให้ความสำคัญกับการสื่อสารให้มากขึ้น สร้างการรับรู้ของแบรนด์และขยายฐานกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้นด้วยนำไปสู่การเพิ่มยอดขายในอนาคต 

ทั้งนี้จุดเด่นของ The Coffee Club ถือเป็น ‘ไลฟ์ฮับ’ หรือร้านคาเฟ่ที่มีอาหารครบครันรองรับการบริโภค ของทุกคนได้ทุกวันทุกโอกาส จุดเด่นคือเป็นร้านกาแฟที่เปิดขายอาหารตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็น ออลเดย์เบรคฟาสต์ (อาหารเช้าที่สั่งทานได้ทั้งวัน) รวมถึงแซนวิช พาสต้า สลัด สเต๊ก และเบเกอรี่

ตลอดจนกาแฟซิกเนเจอร์เบลนด์ระดับโลกหลากหลายเมนู ซึ่ง The Coffee Club ได้ชูจุดเด่นด้านอาหารและเครื่องดื่ม โดยปรับให้มีเมนูอาหารให้หลากหลายยิ่งขึ้น เพิ่มเซ็ตอาหารไทยด้วย เช่น ข้าวต้มและอาหารไทยอีกหลายอย่าง รวมไปถึงกาแฟที่ปรับรสชาติให้เข้มขึ้น ถูกปากคนไทย

นอกจากนี้ยังทำบรรยากาศร้านให้มีความเป็นส่วนตัว พร้อมบริการจากพนักงานที่ใส่ใจและเป็นมิตร ลูกค้าสามารถเข้ามานั่งได้ตลอดทั้งวัน โดยมานั่งดื่มกาแฟ ทานอาหารหรือจะมานั่งทำงานยาวๆ พบปะเพื่อนฝูงก็สามารถทำได้อย่างสะดวกสบาย มี Wifi, ปลั๊กไฟ และโซนนั่งประชุมให้ใช้งานด้วย

เนื่องจากที่ตั้งของร้านจะอยู่ภายนอกห้างสรรพสินค้า จึงมีบรรยากาศที่ค่อนข้างสงบ เป็นส่วนตัวมากกว่า ผู้คนไม่พลุกพล่าน อีกทั้งที่ผ่านมาลูกค้าประจำส่วนใหญ่จะมีการรับรู้ว่าร้าน The Coffee Club คือ Destination ที่ตนเองตั้งใจจะไปเยือนอยู่แล้ว

ทำเลที่ตั้งร้าน The Coffee Club เข้าถึงได้ง่าย สามารถเดินเข้าไปใช้บริการได้เลย โดยมักจะอยู่ในทำเลที่ลูกค้าคุ้นเคยอยู่แล้ว อย่างในกรุงเทพฯ ก็จะอยู่ตามใจกลางเมือง เช่น แนวถนนสุขุมวิท ใกล้สำนักงานออฟฟิศ ศูนย์กลางธุรกิจ รวมถึงแลนด์มาร์กแหล่งท่องเที่ยว เช่น ย่านข้าวสารและท่ามหาราช 

นอกจากนี้ยังมีสาขาในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ภูเก็ต กระบี่ เกาะสมุย หัวหิน พัทยาและเชียงใหม่ รองรับทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย

[สร้างการรับรู้แบรนด์แก่ลูกค้าคนไทย ผ่านกลยุทธ์ 4C]

จากโจทย์ใหญ่ของ The Coffee Club คือต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์ให้แก่ลูกค้าคนไทยมากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างยอดขาย คุณนงชนก สถานานนท์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ คอฟฟี่ คลับ ได้กล่าวถึงกลยุทธ์ 4C ที่จะนำมาใช้

1. C-Contact สร้างการติดต่อสื่อสาร ให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น 
2. C-Check-in & Collaboration ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ พร้อมสร้างเครือข่ายร่วมกับบริษัทอื่นๆ ด้วย เพื่อออกโปรโมชันและสิทธิพิเศษ
3. C-Care & Share พนักงานให้บริการดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี เกิดการบอกต่อ ดึงดูดลูกค้าใหม่เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น
4. C-Connect สร้างการเชื่อมต่อกับลูกค้า ผ่านทางช่องทางการสื่อต่างๆ เช่น แอปพลิเคชัน The Coffee Club รวมไปถึงสื่อสังคมออนไลน์ Facebook Fanpage 

คุณนงชนก ยังบอกอีกว่าในช่วงเทศกาลสิ้นปีที่จะถึงนี้ The Coffee Club ได้ออกเมนูพิเศษหลายอย่างใน The Coffee Club ทุกสาขา ด้วยราคาที่จับต้องได้ สร้างประสบการณ์และการจดจำแก่ลูกค้า โดยมีเมนูอาหารจานหลัก อาหารทานเล่น ของหวานและเครื่องดื่มอีกมากมาย 

นอกจากนี้ยังเอาใจคนชอบดื่มด่ำบรรยากาศริมน้ำ ด้วยการเพิ่มความพิเศษสำหรับช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่นี้ กับเมนูดินเนอร์เซตเอ็กซ์คลูซีฟที่มาพร้อมไฮไลท์การเฉลิมฉลองเฉพาะที่สาขาท่ามหาราช และสาขาริเวอร์ซิตี้เท่านั้น

ไม่เพียงแต่การรับประทานอาหารที่ร้าน แต่ The Coffee Club ยังมีบริการสั่งกลับบ้าน และเดลิเวอรีด้วย ตลอดจนบริการจัดเลี้ยง (Catering) ที่ได้เพิ่มเติมขึ้นมาเพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์และขยายฐานกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น

The Coffee Club แบรนด์ร้านกาแฟจากออสเตรเลียที่อายุกว่า 30 ปีแบรนด์นี้ ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก แม้ในไทยจะยังเป็นแบรนด์เล็ก สาขายังไม่เยอะมาก ท่ามกลางการแข่งขันของธุรกิจร้านกาแฟในระดับสูง อีกทั้งสถานการณ์โรคระบาดที่ทำให้ลูกค้าต่างชาติหายไปเป็นจำนวนมาก

แต่ก็นับว่าเป็นความท้าทายสำหรับ The Coffee Club ซึ่งได้มีการวางกลยุทธ์ที่น่าสนใจ พร้อมชูจุดแข็งของแบรนด์ในการเป็น ‘มากกว่าร้านกาแฟ’ เสิร์ฟได้อาหารทั้งวัน ตอบโจทย์ความรุ่นใหม่หลายด้านที่ต้องความสะดวกสบายจากการใช้บริการร้านกาแฟ ที่สำคัญราคาไม่ได้สูงอย่างที่คิด

แผนการดำเนินงานต่อจากนี้ หลักๆ คือการสร้างฐานลูกค้าและยอดขายเพิ่ม ผ่าน ‘การบริหารสาขาที่มีให้ดีที่สุด’ สร้างจุดแข็งของแบรนด์ The Coffee Club ให้แกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากเป็นร้านที่มีลักษณะเฉพาะตัว แตกต่างจากแบรนด์ร้านกาแฟอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัดอยู่แล้ว 

ส่วนแผนในระยะยาวนั้นก็ต้องคอยดูกันต่อไปและอาจมีการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมตามแต่สถานการณ์ในอนาคต