สัมภาษณ์ ‘โจ้ วิรัตน์’ การกลับมาของ ‘ละครเวิร์คพอยท์’ ในปี 2565 คงความวาไรตี้ ช่องของความสุขแบบฉบับเวิร์คพอยท์  

ย้อนไปในยุคที่ทีวีเป็น Main Stream ละครคือความบันเทิงอันดับต้น ๆ ของครอบครัว ที่จะมารวมตัวกันชม และมีอิทธิพลต่อชีวิตผู้คน ไม่ต่างกับการมีกระแสฟีเวอร์จากซีรีส์เรื่องดังที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ในปัจจุบัน จนถึงวันนี้ที่เราเห็น ละครไทยได้พัฒนาไปสู่ในหลากหลายแพลตฟอร์ม มาพร้อมโอกาสให้ต่างประเทศได้ลิ้มรสละครไทย แต่ในขณะเดียวกันผู้ชมคนไทยเอง ก็มีตัวเลือกที่จะมองหาคอนเทนต์ที่เหมาะกับตัวเองมากขึ้นจากทั้งโลกเช่นเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้คอนเทนต์ละครไทยมีคู่แข่งที่หลากหลายมากขึ้นด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การนั่งชมละครไทยในทีวีตามเวลาออกอากาศ ยังคงเป็นอรรถรสออริจินัลเสมอ   

workpointTODAY พูดคุยกับ โจ้ วิรัตน์ เฮงคงดี ผู้อำนวยการฝ่ายผลิต ละครเวิร์คพอยท์ หัวเรือใหญ่ที่กำลังนำพาละครเวิร์คพอยท์กลับมาในปี 2565 โดยวางแผนตั้งแต่ระบบการทำงานหลังบ้าน ที่จะนำไปสู่คุณภาพหน้าจอ เขามีแนวคิดอย่างไรเมื่อต้องมาเปิดโฉมทำละครทีวี ท่ามกลางผู้ชมมีคอนเทนต์ให้เลือกชมหลากหลาย และความคาดหวังของคนไทยที่อยากจะเห็นละครน้ำดี

“เราค่อย ๆ สร้างมาในหลาย ๆ แบบ วาไรตี้เมื่อเราแข็งแรงแล้ว เมื่อข่าวเราแข็งแรงแล้ว คราวนี้แหละเราจะรุกละครให้จริงจัง ให้เป็นกระดูกอีกเบอร์หนึ่งของเวิร์คพอยท์โดยการสร้างฝ่ายละครขึ้นมา มีโครงสร้างการทำงาน และทีมงานที่แข็งแรง”

 ละครเวิร์คพอยท์ที่จะยังเคลือบไว้ด้วยความวาไรตี้  

โจ้ วิรัตน์ ตีโจทย์ของความเป็นละครเวิร์คพอยท์ให้เข้าใจได้ง่าย ๆ ว่า จุดที่เเข็งแรงที่สุดของเวิร์คพอยท์ คือความเป็นวาไรตี้ที่ทุกคนรู้เเล้ว เมื่อเป็นสถานีโทรทัศน์ที่มีรายการเวิร์คพอยท์ มีข่าวเวิร์คพอยท์ ดังนั้นเขาจึงอยากจะเล่าความเป็นเวิร์คพอยท์ในอีกรูปแบบหนึ่งคือ ละครเวิร์คพอยท์  ให้เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ปล่อยของ และมีคาแร็กเตอร์ที่ชัดเจน

“เราวางทิศทางให้มันไปกับคาแร็กเตอร์ช่องเวิร์คพอยท์ เรามองว่าเป็นช่องของความสุข เป็นที่ที่กลับบ้านมาแล้วเปิดช่องเวิร์คพอยท์แล้วมันสบายใจ มันหัวเราะ มันไม่เครียด เราก็เลยคิดว่าจะทำละครที่ทุกคนดูได้ พูดว่าเป็นละครครอบครัวก็ได้ จะไม่มีสิ่งที่ Toxic ที่รู้สึกว่าจะทำร้ายสังคม เราก็จะพยายามหลีกเลี่ยง เราอยากให้มันเป็นจุดเชื่อมที่ทำให้ทุกคนกลับมานั่งดูทีวีด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง เหมือนตอนที่ทุกคนนั่งดู The Mask Singer ที่ทุกคนดูได้หมด มีความสุขอยู่ด้วยกัน แล้วก็กลับมาพูดคุยเรื่องเดียวกันได้”  

 โจ วิรัตน์ เล่าถึงทิศทางของละครเวิร์คพอยท์

การสร้างทีมที่แข็งแกร่ง สู่งานคุณภาพ

นับเป็นครั้งแรกที่เวิร์คพอยท์ได้สร้างฝ่ายละครขึ้นมาโดยตรง ซึ่งเป็นหมุดหมายของการเอาจริงเอาจังกับละครของช่องเวิร์คพอยท์ อาจจะต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาเวิร์คพอยท์เองยังไม่ได้เด่นในเรื่องละครมาก  โจ้ วิรัตน์ วางหมากของการเดินหน้าทำละคร ที่จะนำมาสู้กับตลาดปัจจุบัน คือการเลือกเวลาออนแอร์ในช่วงก่อนข่าว คือ  1-2 ทุ่ม โดยประมาณ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นละครก่อนข่าว แม้เราจะเคยคุ้นชินกับคำว่าละครหลังข่าวมา รวมถึงการใช้สรรพกำลังทุ่มเทในเรื่องของบทมากที่สุด ตั้งแต่การมองปัญหาของคนเขียนบท โดยเชื่อในเรื่องของการสร้างทีมที่แข็งแกร่งจะนำไปสู่งานที่มีคุณภาพ

“หลังได้โจทย์มาว่าทำละคร เรากลับมาศึกษาว่าเราจะเอาอะไรไปสู้กับชาวบ้านเขาวะ ดาราเราก็ไม่มี ผู้จัดเราก็ไม่มี บทประพันธ์เราก็ไม่มี เราจึงใช้พละกำลังกับเรื่องบทให้ได้มากที่สุด ไม่ได้หมายความว่าต้องไปเอาคนเขียนบทมือดีที่สุดมานะครับ นั่นไม่ใช่คำตอบ คำตอบนั้นมันง่ายไปหน่อย ไม่ใช่ว่าการรวมทีมและเอาคนเก่งมาจะประสบความสำเร็จเสมอไป เรามีกระบวนการวิธีทำที่ย้อนกลับไปดูว่าปัญหาของคนเขียนบทในวงการนี้คืออะไร ในฐานะที่เราเคยเป็นคนเขียนบท พี่เรียกคนเขียนบทมานั่งคุยและช่วยเล่าปัญหาว่ามีอะไรบ้างแลกเปลี่ยนกัน”

ละครทั้งโลกมีสูตรสำเร็จ ละครแบบไหนที่ถูกจริตคนไทย

            โจ้ วิรัตน์ มองว่า ละครทั้งโลกนี้มีสูตรสำเร็จเสมอ ไม่ใช่แค่ละครไทย แต่ละประเทศจะมีทางละครที่ถูกจริตกับคนในประเทศนั้น ๆ อย่างในส่วนของละครไทย เมื่อโซเชียลที่ทำให้ผู้ชมได้ฟีตแบคกับการชมละครมากขึ้น สิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งทำให้ละครไทยได้เปลี่ยนไป ทั้งติชมเนื้อหา แนะนำบอกต่อมากขึ้น มีคอนเทนต์ละครหลากหลายทั่วโลกมาให้เลือกชม เมื่อได้เห็นงานของคนทั้งโลก จึงเกิดการเปรียบเทียบ นำไปสู่เกิดการพัฒนาให้มีคอนเทนต์ที่หลากหลายมากขึ้นตามไปด้วย

 “ในช่วง 5 ปีหลัง มันเปลี่ยนไปเยอะอย่างก้าวกระโดด ก่อนหน้านั้นคอนเทนต์ก็ยังวนอยู่ มันก็มีเหตุผลของที่มันวนอะนะ เพราะก็เป็นเรื่องของความชอบ ความเข้าถึงของคน รสนิยมในการดู  ทุก ๆ ชาติมันมีรสนิยมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว อย่างของที่เราเห็นใน Netflix  ซีรีส์เกาหลีเขาเป็นอย่างนั้น ซีรี่ญี่ปุ่นเขาเป็นอย่างนั้น จีนเป็นอย่างนี้ ที่เราเห็นเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง ที่จริงเขาก็มีส่วนที่เราก็ไม่ได้ดูของประเทศเขา แล้วรสนิยมก็จะเป็นอีกแบบหนึ่งที่มันจะไม่เหมาะกับการที่ให้คนต่างชาติดู ของที่เราได้ดูเป็นของที่เลือกมาแล้วว่าน่าจะถูกปากคนในระดับ International คือทุก ๆ ชาติจะมีหลายแบบอยู่แล้ว” 

 ในส่วนคอนเทนต์ของละครไทย โจ้ วิรัตน์ ยังมองว่า โดยหลักแล้วยังคงชอบละครเรื่องที่ดูง่าย ดูเพื่อความสนุกบันเทิง และผ่อนคลายจากการทำงานหนัก (ซึ่งจริง ๆ แล้วเขาก็มองว่าเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งโลก)

เปิดศักราชของละครเวิร์คพอยท์ในปี 2565  3 เรื่องฟีลกู้ด

ในปี 2565 เวิร์คพอยท์วางแผนออนแอร์ละครไว้ 3 เรื่อง 3 รสชาติ โจ้ วิรัตน์ เผยกับ workpointTODAY

บัลลังก์ลูกทุ่ง เป็นเรื่องของเป็นการแข่งขันกัน สู่ความฝันของพี่น้องสองสาวที่เกิดในวงลูกทุ่ง และมีความใฝ่ในความที่จะเป็นอันดับ 1 ของวงการเพลงลูกทุ่ง เป็นเรื่องที่ได้นักแสดงจากสองค่ายยักษ์ใหญ่มาเจอกัน คือ เปาวลี กับ ใบเตย เป็นครั้งแรกของคู่นี้ที่ได้มาร่วมงานกันและเป็นเบอร์1ของด้านนี้ทั้งคู่ และเป็นเรื่องที่มีเพลงลูกทุ่งเยอะมาก ประมาณ 30 กว่าเพลงในทุกตอน มีเพลงทั้งเพลงเก่า เพลงใหม่ เพราะ ๆ เต็มเลย จะเป็นเรื่องที่มีบทละครที่เข้มข้นและบทเพลงที่ไพเราะ

นางนาคสะใภ้พระโขนง  เรื่องแม่นาค เป็นเรื่องที่คนรู้จัก เป็นตำนานของเมืองไทย เราก็อยากเล่าในแบบของเวิร์คพอยท์บ้าง ซึ่งในแบบของเวิร์คพอยท์ มีมุมที่เป็นอารมณ์ขัน แล้วมันยังเป็นกลิ่นในแบบที่คนไทยชอบอยู่ ในเรื่องของแม่ผัวลูกสะใภ้ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก ละครเวทีเรื่อง แม่นาคพระโขนงเดอะมิวสิคัล ของค่ายดรีมบ็อกซ์  โดยเวอร์ชั่นนี้มันแตกต่างจากคนอื่นตรงที่ว่า เวอร์ชั่นอื่นก็จะมีพี่มากกับแม่นาคเป็นหลัก แต่ว่าเวอร์ชั่นนี้จะมีตัวแม่ของพี่มากเข้ามาด้วย แล้วแม่ของพี่มากจะเป็นคีย์หลักสำคัญของเรื่องที่ทำให้ตำนานแม่นาคพระโขนงเกิดขึ้นเพราะเขา ซึ่งเหลี่ยมนี้น่าสนใจมาก

ครูเพ็ญศรีกับเลดี้ปอบ เป็นการต่อยอดจากตัวละครครูเพ็ญศรี จากตลก 6 ฉาก ที่เรายืมคาแรคเตอร์นี้ เพราะคาแรคเตอร์นี้คนรักมาก เราคิดว่าเขามาอยู่กับอะไรดีนะ ที่น่าจะสนุก เห้ย มาเจอปอบดีกว่า ปอบดูเป็นผีที่คนไทยคุ้นชินและก็เป็นผีไม่ได้น่ากลัว ดูเป็นผีตลก สนุกดี เป็นปอบแบบใหม่ ๆ เราก็นึกถึง แพท ณปภา เราคิดว่าสองคนนี้เจอกันน่าจะสนุก เราก็เอามาสร้างเรื่องที่แบบว่าจากครูเพ็ญศรีเดิมที่เป็นครู อันนี้ก็มาเป็น ผอ.โรงเรียน และต้องมาเจอคู่ใหม่ที่เป็นปอบ เรารู้สึกว่าเรื่องก็น่าจะมันดี

จากการพูดคุยกับ โจ้ วิรัตน์ นี่ถือเป็นย่างก้าวแรกที่เวิร์คพอยท์จะเดินหน้าทำละครแบบเต็มสูบ ด้วยแก่นที่แข็งแรงอย่างความเป็นวาไรตี้ ย่อยง่าย เข้าถึงคนดู อย่างคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบในช่อง สุดท้ายแล้วความเป็นเวิร์คพอยท์จะเคลือบสิ่งเหล่านั้นไว้ด้วยความสนุกเสมอ เราหวังจะได้กลิ่นอายของความสุขและอบอุ่น ที่ผู้คนจะนั่งชมละครกันเป็นครอบครัว ในช่วงสุดท้ายของการสัมภาษณ์ เราถามถึงเป้าหมายของละครเวิร์คพอยท์

“เราอยากทำของที่ดีและมีคุณภาพ ดีอย่างที่ควรจะเป็น ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ ให้คนดูในประเทศให้ได้มากที่สุด ให้กว้างที่สุด ไม่ได้มองว่าพอเป็นละครแล้วรู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ต้องตั้งใจทำอะไรอย่างนี้ คือเราตั้งใจทำให้คนไทยในปริมาณที่กว้างที่สุดเลย ให้ทุก ๆ คน ให้พ่อเรา ให้แม่เรา ให้ลุกเรา ให้ป้าที่ขายลูกชิ้น อยู่ที่ไหน จังหวัดไหนก็ตามได้ความสุข และเป็นละครที่มีคุณภาพ มีบทที่แข็งแรง มีโปรดักชัน มีการตัดต่อที่ทำอย่างตั้งอกตั้งใจ” 

โดยในวันที่ 22 ธันวาคมนี้  ละครเวิร์คพอยท์ จะจัดงาน เปิดยุ้งละคร งานเปิดรับผู้ที่สนใจเป็นผู้จัดละครให้เวิร์คพอยท์ โดยจะจัดผ่าน Zoom  ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรก ๆ ของฟรีทีวีที่จะเปิดรับผู้จัดละคร ให้ได้มีพื้นที่เข้ามาเสนอ มาแนะนำตัว ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้คนที่คิดว่าอยากทำละคร มาเสนอตัวเป็นผู้ผลิตของช่อง ตามความตั้งใจของ โจ้ วิรัตน์ ที่ได้ให้สัมภาษณ์กับเราว่า

“ทุกวันนี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว เราน่าจะพร้อมรับมือ และพร้อมที่จะเปิดให้กับคนใหม่ ๆ ประสบการณ์ใหม่ ๆ ความคิดใหม่ ๆ เข้ามา”

 สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงาน ติดตามรายละเอียดได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ ละครเวิร์คพอยท์