ลาออก ทำงานออนไลน์ ตามหาเป้าหมาย สรุปสิ่งที่ ‘คนทำงาน’ ทั่วโลกเผชิญในปี 2021

ลดเงินเดือน เพิ่มจำนวนงาน เลิกเข้าออฟฟิศ ทำงานออนไลน์ ลาออก ตามหาเป้าหมาย เรียกว่าประดังประเดที่สุดในช่วงชีวิตวัยทำงานของคนยุคหนึ่ง หลังโลกเผชิญหน้ากับโควิด-19 

TODAY Bizview สรุป 5 สิ่งที่คนทำงานทั่วโลกได้เผชิญมาแล้วในปี 2021 หรือกำลังทอดยาวสู่ปี 2022 มาให้ย้อนนึกกันว่า “1 ปีที่ผ่านมามดงานตัวเล็กๆ อย่างเรา เจอความเปลี่ยนแปลงอะไรมาบ้าง”

The Great Resignation อดทนมานาน จนถึงคราวลาออกครั้งมโหฬาร 

นับตั้งแต่โลกเดินหน้าเข้าสู่ยุคโควิด-19 ตลอด 2 ปี ผู้คนต้องอดทนกับสถานการณ์ที่ยากลำบากและทางเลือกจำกัด หลายคนต้องทำงานมากขึ้น ทำแทนคนที่ถูกจ้างออก หลายคนไม่ได้ออกจากบ้าน มีต้นทุนจากการทำงานที่บ้านเพิ่มขึ้น แต่ถูกลดเงินเดือน อีกหลายคนหมดไฟจากรูปแบบชีวิตที่ผิดปกติและความกดดันจากการทำงานที่แยกไม่ออกจากชีวิตส่วนตัว

เมื่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้น ผู้คนที่อดทนมาตลอดจึงตัดสินใจลาออกพร้อมกันเป็นจำนวนมหาศาล (โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้วและประชากรมีทางเลือก) หลายบริษัทในอเมริกา-ยุโรปขาดแคลนพนักงาน จนถึงขั้นจำต้องขึ้นค่าแรงเพื่อดึงดูดแรงงานเข้ามาใหม่

Career Skepticism ถ้าทำงานแล้วชีวิตไม่ดี ก็ไม่ต้องทำสิคะ

นอกจากทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปแล้ว โควิด-19 ก็ยังทำให้หลายคนหันกลับมาตั้งคำถามถึงความหมายของ ‘อาชีพ’ และ ‘การทำงาน’ ด้วย จนทำให้เกิดเทรนด์ใหม่อย่างคนที่เรียกว่า Career Skepticism หรือก็คือ กลุ่มคนที่เข้าใจความหมายของการทำมาหากินเพื่อยังชีพ แต่ต้องการให้ ‘การทำงาน’ นั้นสามารถสะท้อนตัวตนและชีวิตด้วย 

คนกลุ่มนี้จึงไม่ได้มุ่งเป้าต้องการตำแหน่งงานที่สูง แต่ต้องการงานที่ดี มีความหมาย และงานที่เลือกทำก็จะต้องเอื้อให้สามารถใช้ชีวิตที่ดีได้ด้วย 

Hybrid Work ลาก่อนชีวิตที่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน

ในช่วงโควิด-19 ทำให้รูปแบบการทำงานแบบ Work from Home หรือทำงานจากบ้านกลายเป็นเรื่องปกติ พบเห็นได้ทั่วไป หลายคนอาจจะรู้สึกไม่ถนัดอยู่บ้าง แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็มีคนกลุ่มที่ชอบและเคยชินกับการทำงานจากบ้านหรือจากที่ไหนก็ได้ รวมถึงไม่อยากกลับเข้าออฟฟิศแบบเดิมอีก

ทำให้แต่ละองค์กรจะต้องหารูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นขึ้น หลายบริษัทเลือก Hybrid Working หรือก็คือ การทำงานจากบ้านหรือจากที่ไหนก็ได้ผสมกับการเข้าออฟฟิศ เช่น เข้าออฟฟิศแค่ 3 วันต่อสัปดาห์ หรือเข้าเฉพาะวันประชุม ข้อดีของการทำงานแบบนี้ คือ พนักงานเองก็มีอิสระ ออฟฟิศเองก็สามารถปรับลดขนาดให้เล็กลงได้ แต่ก็อาจน่าห่วงว่าพนักงานสามารถหมดไฟ (Burn Out) จากการทำงานที่บ้านได้

4 day / weeks + Flexible Hour ลดวันทำงานเป็นจริงได้ เริ่มเลอ!

เป็นความฝันของเหล่าคนทำงานมานานกับการทำงานน้อยกว่า 5 วันต่อสัปดาห์ แต่ในที่สุดก็เริ่มเห็นความจริงอยู่ไกลๆ เพราะปี 2022 มีความคืบหน้า โดยงานวิจัยจากการทดลองกับประชากรกว่า 2,500 คนในไอซ์แลนด์ระบุว่า การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ ทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้น เครียดน้อยลง ไม่หมดไฟ และงานเองก็ดีขึ้นด้วย

นอกจากนั้น ยังมีการเปลี่ยนแปลงจากพื้นที่อื่นๆ อย่างสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ที่ประกาศเริ่มให้พนักงานของรัฐเริ่มทำงานแค่ 4 วันครึ่งต่อสัปดาห์ ตั้งแต่ 1 ม.ค. 65 นี้เป็นต้นไป ในขณะที่ฝั่งจีนเอง ศาลก็ระบุว่า การทำงานแบบ 996 (เริ่ม 9 โมง เลิก 3 ทุ่ม 6 วันต่อสัปดาห์) ผิดกฎหมายแล้ว ถือเป็นความก้าวหน้าของการสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว

Metavese Work ทำงานออนไลน์ธรรมดาไป ทำงานจักรวาลนฤมิตสิ!

หลัง Facebook ประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น Meta ตะลุย Metavese ทุกมิติ เทรนด์ Metavese ก็กลายเป็นกระแสที่ทุกธุรกิจล้วนกระโดดร่วมขบวน จึงเริ่มมีการพูดถึง Metavese Work หรือการทำงานในโลกเสมือน ให้ทุกคนสามารถทำงานจากบ้านได้ แต่พบปะกันได้แบบเสมือนจริง 

จนแม้แต่ Microsoft เองก็ได้เตรียมนำฟีเจอร์ใหม่แพลตฟอร์มการประชุมเสมือนจริงลงใน Teams แล้ว โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มเปิดให้ใช้จริงได้เร็วๆ นี้ Metavese Work จึงเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าจับตามองและน่าจะมีความสำคัญมากขึ้นในอนาคต