ชาวฮ่องกงเลือกฉีดวัคซีนเข็มแรกเป็น ‘ซิโนแวค’ มากที่สุด แม้กัน ‘โอไมครอน’ ไม่ได้

ฮ่องกงเตรียมออกมาตรการให้ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มก่อนเข้าร้านอาหาร ทำให้คนจำนวนมากตื่นตัวเข้ารับวัคซีนเข็มแรก โดยส่วนใหญ่เลือกฉีดซิโนแวคถึง 61%

วันที่ 5 ม.ค. 2565 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ชาวฮ่องกง 18,000 คนตัดสินใจเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มแรกเมื่อวานนี้ (4 ม.ค.) นับเป็นตัวเลขของการฉีดเข็ม 1 ที่มากที่สุดในรอบ 4 เดือน และเพิ่มสูงกว่าสัปดาห์ก่อนเกือบ 4 เท่าตัว

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากทางการฮ่องกงประกาศว่า ผู้ที่จะเข้าไปใช้บริการในร้านอาหารหรือสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ จะต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส โดยจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 24 ก.พ. นี้

ตามรายงานระบุว่า ผู้ที่ตัดสินใจเข้ารับวัคซีนเข็มแรกเมื่อวานนี้ มีจำนวนแซงหน้าผู้ที่เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น ที่มีเข้ามาราว 16,400 คน

ที่ผ่านมา มีชาวฮ่องกงจำนวนมากที่ตัดสินใจไม่เข้ารับการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ อย่างเช่นกลุ่มอายุ 80 ปีขึ้นไป มีเพียง 22% เท่านั้นที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว

ซึ่งการออกมาตรการล่าสุดของรัฐบาลนี้ ทำให้กลุ่มที่ลังเลไม่ยอมฉีดวัคซีน ตัดสินใจเข้ารับวัคซีนเข็มแรกในที่สุด 

อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มดังกล่าว มีถึง 61% ที่เลือกรับวัคซีนของซิโนแวค (Sinovac) แม้ว่าผลวิจัยต่างๆ จะชี้ว่ามีประสิทธิภาพไม่เพียงพอในการป้องกันเชื้อโอไมครอนและเชื้อกลายพันธุ์อื่นๆ ส่วนอีก 39% ที่เหลือเลือกรับวัคซีนจากไบโอเอ็นเทค (BioNTech) ที่ใช้เทคโนโลยี mRNA 

นิโคลัส โธมัส รองศาสตราจารย์จาก City University of Hong Kong ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า ผู้ที่ตัดสินใจรับวัคซีนซิโนแวคในตอนนี้ จะยังเผชิญกับความเสี่ยงจากทั้งเชื้อโอไมครอนและเชื้อเดลตา และเมื่อฮ่องกงเปิดพรมแดนเมื่อไหร่ คนกลุ่มนี้ที่แม้ว่าจะฉีดวัคซีนแล้ว ก็จะยังต้องอยู่ในความเสี่ยงต่อไป

ทางด้าน เหลียง ชือฉิว อดีตประธานคณะกรรมการด้านโรคติดต่อของฮ่องกง เผยว่า การที่ชาวฮ่องกงจำนวนมากยังไม่ตัดสินใจฉีดวัคซีน เป็นผลมาจากการสื่อสารผิดพลาดในเรื่องความเสี่ยงของวัคซีนที่มีต่อผู้สูงอายุและผู้ที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง และการที่วัคซีนชนิด mRNA มีผลข้างเคียงเกิดขึ้นบ่อยกว่า ทำให้คนจำนวนมากเลือกที่จะฉีดวัคซีนเชื้อตายแทน

นายเหลียงยังอ้างว่า ขณะนี้เรายังไม่ทราบแน่ชัดถึงการป้องกันที่ได้รับจากวัคซีนซิโนแวค แม้ว่าวัคซีน mRNA จะมีประสิทธิภาพในการสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโอไมครอนสูงกว่า แต่ประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในตอนนี้ ต่างก็ใช้วัคซีน mRNA กันทั้งนั้น