‘ธัญวัจน์ ก้าวไกล’ แจง ‘ศิริศักดิ์ ไชยเทศ’ คืนรางวัลอรรธนารีศวร เหตุนายกสมาคมฯ ร่วมวงเสวนาไทยภักดี

‘ธัญวัจน์ ก้าวไกล’ แจงกรณี ‘ศิริศักดิ์ ไชยเทศ’ นักเคลื่อนไหวกิจกรรม Lgbtq ขอคืนรางวัลอรรธนารีศวร จากสมาคมฟ้าสีรุ้ง ย้ำ เหตุนายกสมาคมฯ ร่วมวงเสวนาไทยภักดี ลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ของการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย

วันที่ 13 ม.ค. 2565 ‘ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์’ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวแสดงความเห็นจากกรณีที่นักเคลื่อนไหวกิจกรรมของบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ ‘ศิริศักดิ์ ไชยเทศ’ หรือต้น โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวขอคืน ‘รางวัลอรรธนารีศวร’ ที่ตนได้รับ ซึ่งรางวัลดังกล่าวดำเนินการจัดงานโดยสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย ที่เกิดจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านความหลากหลายทางเพศประสานกับภาครัฐเพื่อจัดงานนี้

(ภาพจาก SirisakPosh ChaitedSpice)

ธัญวัจน์ กล่าวว่า ด้วยสาเหตุที่นายกสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย กิตตินันท์ ธรมธัช (แดนนี่) ซึ่งเป็นหน้าเป็นตาในการจัดงานแจกรางวัลอรรธนารีศวร ได้ขึ้นเสวนาร่วมกับพรรคไทยภักดี โดยมีหัวหน้าพรรคนายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2564 โดยการเสวนาดังกล่าวนั้นมีการโจมตีพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม และลดทอนคุณค่าของกลุ่มบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้อง ความเท่าเทียมและประชาธิปไตย โดยภายหลังจากการเสวนาดังกล่าวสิ้นสุดลง มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มภาคประชาสังคมและนักเคลื่อนไหวความหลากหลายทางเพศว่า เหตุใดนายกสมาคมฟ้าสีรุ้ง กิตตินันท์ ธรมธัช ซึ่งไม่ออกมาชี้แจงว่าเหตุใดจึงกล่าวโจมตีและลดทอนคุณค่าของการเคลื่อนไหวของประชาชน ความหลากหลายทางเพศบนถนน และนิ่งเงียบมาตลอด จนนำมาสู่การคืนรางวัลของ คุณศิริศักดิ์ ไชยเทศ ที่ได้เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมืองที่นายกสมาคมกล่าวถึงหลายต่อหลายครั้ง

ธัญวัจน์ กล่าวต่อไปว่า ตนยอมรับว่าเมื่อก้าวเข้ามาเป็นนักการเมืองนั้นได้มีโอกาสพบกับกลุ่มภาคประชาชน สมาคม และมูลนิธิ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางเพศ ความคิดเห็นที่หลากหลายขัดแย้งไม่ตรงกันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ในสังคมประชาธิปไตย แต่การร่วมเสวนากับพรรคไทยภักดีของนายกสมาคมฟ้าสีรุ้งนั้น ทำให้หลายฝ่ายนั้นได้เห็นถึงสาเหตุความขัดแย้งของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศที่ผ่านมา หรือจากที่พอเห็นปัญหาอยู่แล้วก็อธิบายถึงสาเหตุดังกล่าวได้ชัดเจนมากขึ้น ที่ฝ่ายหนึ่งมีผลประโยชน์ตำแหน่งแห่งที่กับการทำงานเกี่ยวข้องกับฝ่ายรัฐ กับอีกฝ่ายที่ขับเคลื่อนความเสมอภาคบนท้องถนน

“ความขัดแย้งของสองกลุ่มที่ฝ่ายหนึ่งยืนบนหลักการ แต่อีกฝ่ายยืนอยู่บนตำแหน่งแห่งที่ของผลประโยชน์ที่ทั้งถูกได้รับมอบหมายหรือแต่งตั้งจากฝาก “รัฐ” ส่งผลต่อการขับเคลื่อนความหลากหลายทางเพศในประเทศไทยโดยตรง ตัวอย่างที่ผ่านมาที่เห็นได้ชัดเจนคือประเด็นระหว่าง #สมรสเท่าเทียม ซึ่งขับเคลื่อนโดยภาคประชาชนและพรรคก้าวไกล และ #คู่ชีวิต ที่มีนายกสมาคมฟ้าสีรุ้งเป็นหัวหอกสำคัญของการขับเคลื่อนการทำงานกับภาครัฐ กรมคุ้มครองสิทธิ์ กระทรวงยุติธรรม ที่ทำให้กลุ่มคนหลากหลายทางเพศต้องเถียงกัน แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ทั้งที่หลักการเรียบง่ายคือความเสมอภาคในการสมรสของคนทุกเพศไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจยาก แต่ก็กลับมีกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศบางกลุ่มออกมาผลักดันคู่ชีวิต ด้วยเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ทั้งทางที่รู้ว่าไม่เสมอภาคแต่ก็พยามผลักดันแบบว่า “รับ ๆ ไปก่อน” นี่คือหนึ่งตัวอย่างที่เกิดขึ้นในเนื้อหาสาระของกฎหมายที่ไม่เท่าเทียม เรื่องเข้าใจง่ายกลายเป็นเรื่องเข้าใจยาก และการเดินทางของความเสมอภาคทางเพศในประเทศไทยอีกหลายประเด็นที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็ยังเป็นปัญหา” ธัญวัจน์ กล่าว

ธัญวัจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมเองนั้นมีเครือข่ายองค์กรพันธมิตรหลายองค์กร เพจสื่อสารความหลากหลายทางเพศต่าง ๆ ที่วันนี้อาจต้องออกมาแสดงจุดยืน ตนมองว่าเป็นเสรีภาพที่จะแสดงความคิดเห็นหรือไม่ แต่ตนเชื่อว่าการคืนรางวัลของนักกิจกรรมคนดังย่อมส่งผลและแรงสะเทือนต่อเครือข่ายและองค์กรระหว่างประเทศว่าจะแสดงจุดยืนหรือไม่ ? และแสดงอย่างไร ? และ กลุ่มบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศและประชาชนทั้งประเทศจะเป็นคนตัดสิน

“กิตตินันท์ ธรมธัช นายกสมาคมฟ้าสีรุ้งเป็นที่รู้จักในแวดวงของภาคประชาสังคมกับนักกิจกรรม ศิริศักดิ์ ไชยเทศ ทำงานร่วมกันมาเป็นเวลานาน ความสัมพันธ์ส่วนตัวนั้นตนคงไม่ทราบว่าเป็นเช่นไร แต่การคืนรางวัลตัดแม่ตัดลูก สะท้อนอุดมการบางอย่างที่สวนทาง อย่างที่สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทยแห่งประเทศไทยล่าสุดมีแถลงการณ์เมื่อคืนวันที่ 12 มกราคม 2565 ว่าเป็นสมาคมที่วางตัวเป็นกลาง สามารถทำงานได้ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน และทำงานร่วมกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหรือไม่ก็ได้ จากที่อ่านคำแถลงแล้วตนมีคำถามว่าเรามีคำว่า “เป็น กลาง” ในสังคมที่บิดเบี้ยวแบบนี้จริงหรือ เมื่อความเป็นกลางและความยุติธรรมถูกอำนาจนิยมครอบงำอย่างที่เรา ๆ ท่าน ๆ ได้เห็นตำตา และเราคงต้องตอบคำถามว่าเราจะขับเคลื่อนเดินหน้าอย่างไรต่อไป ด้วยความเป็นกลาง หรือด้วยจุดยืน และจะต่อสู้การยอมรับบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศอย่างเสมอภาค หรือจะยอมรับแบบมีเงื่อนไข เพราะสองอย่างนี้มันไปด้วยกันไม่ได้”

“เพราะสังคมที่บิดเบี้ยวเราต่างต้องชัดเจนในจุดยืน หรือบางทีนายกสมาคมฟ้าสีรุ้งก็แสดงจุดยืนกับพรรคไทยภักดีในงานเสวนาอย่างชัดเจนแล้ว” ธัญวัจน์ กล่าวทิ้งท้าย