ก้าวย่าง ‘ก้าวไกล’ ในวันที่ตัดสินใจสละเสาหลักสภาให้เป็นแคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม.

มีหลายคำถามเกิดขึ้นหลังพรรคก้าวไกลตัดสินใจส่ง ‘วิโรจน์ ลักขณาอดิศร’ เป็นแคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม. ต้องทิ้งเก้าอี้ ส.ส. ไป 1 คน

workpointTODAY เปิดใจแม่บ้านพรรคก้าวไกล ‘ชัยธวัช ตุลาธน’ ย้ำถึงการตัดสินใจอีกครั้งพร้อมกับผลที่คาดว่าจะตามมา

วันที่ 24 ม.ค. 2565 “ไม่มีใครคนไหนมีดีเอ็นเอของความเป็นก้าวไกลชัดที่สุด คนที่ผมจะเชื่อมั่นได้อย่างสนิทใจว่าเขาจะเอาผลประโยชน์ของคนกรุงเทพมหานครเป็นที่ตั้ง วันนี้ผมตัดสินใจครั้งสำคัญเอาเสาหลักของ ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับผมมาตั้งแต่อนาคตใหม่ ขอดึงเสาต้นนี้ที่เป็นเสาหลักของในสภา มาปักลงตรงกลาง กทม.” คำประกาศเปิดตัวนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พูดบนเวทีในการแถลงข่าวเปิดตัวแคนดิเดตชิงตำแหน่ง ผู้ว่าฯ กทม. พรรคก้าวไกล

‘วิโรจน์’ สละเก้าอี้ ส.ส. “ไม่น่าตกใจ”

หลังการเปิดตัวครั้งนี้มีคำถามขึ้นมาทันทีว่า เหตุใดพรรคก้าวไกลจึงเลือกนายวิโรจน์ ทั้งที่เป็น ส.ส. จะทำให้เสียเก้าอี้ในสภาไปอีกหนึ่งโดยไม่มีประโยชน์หรือไม่ เพราะอาจจะสู้ผู้สมัครที่มีฐานเสียงแน่นอย่างพรรคการเมืองใหญ่ๆ ไม่มีคนอื่นแล้วหรือ

เรื่องนี้ถามตรงๆ กับแม่บ้านพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค บอกชัดๆ ว่า “ไม่น่าตกใจ” ที่นายวิโรจน์เป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่พรรคพิจารณาและตัดสินใจเลือก ด้วยเหตุผลดังนี้ คือ นายวิโรจน์ เป็นหนึ่งในทีมทำงานนโยบาย กทม. มาตั้งแต่เริ่มต้น เป็นบุคคลที่เหมาะสมกับสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ ช่วงที่ผ่านมาพรรคเองได้ทาบทามหลายบุคคลจากหลายสาขาอาชีพ อาทิ ผู้บริหาร บ.เอกชน นักวิชาการ แพทย์ แต่เมื่อพิจรณากับสถานการณ์ปัจจุบันนายวิโรจน์ เป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุด หลายคนอาจจะไม่รู้ว่านายวิโรจน์ ก่อนมาทำงานการเมืองเป็นผู้บริหารในบริษัทเอกชนมามากกว่า 20 ปี เชื่อมั่นว่าจะได้ใช้ความรู้ตรงนี้มาบริหาร

ไม่มี ส.ส.เลื่อนแทน ‘วิโรจน์’ ผลจากคดียุบพรรคอนาคตใหม่

ส่วนความกังวลว่างานในสภาจะขาดผู้อภิปรายฝีปากกล้า นายชัยธวัช กล่าวว่า พรรคมีบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ ไม่น้อยกว่านายวิโรจน์ แน่นอนว่าเรื่องเสียงในสภาเป็นเรื่องสำคัญ เพราะส่งผลต่อการผลักดันการออกกฎหมาย และพรรคไม่มีบัญชีรายชื่อเลื่อนขึ้นมาแทน เนื่องจากการยุบพรรคอนาคตใหม่ ขณะนี้เสียงที่เป็นเนื้อแท้ของพรรคมี 45 คน หากนายวิโรจน์ลาออกจะเหลือ 44 คน

“ถามว่าเสียงเหลือแค่นี้จะเป็นอย่างไรต่อไป หากเป็นเรื่องการทำงานในสภา พรรคก้าวไกลโหวตเรื่องใดๆ เราแพ้ทุกครั้งอยู่แล้ว ลดจำนวนลงไม่ได้มีผลอะไรต่อการทำงาน เพราะไม่ได้อยู่ที่จำนวน แต่การทำงานของพรรคในการตรวจสอบเป็นสิ่งที่ชี้ให้ประชาชนเห็นว่าก้าวไกลทำงานอย่างไร” นายชัยธวัช กล่าว

เสร็จภารกิจโฆษก กมธ.ศึกษาฯ ลาออกทันที เดินหน้าหาเสียง

มองอย่างไรกับเสียงวิจารณ์ก้าวไกลส่งผู้สมัครลงไปก็ไม่ชนะเพราะฐานเสียงสู้พรรคใหญ่ไม่ได้ นายชัยธวัช มองว่า เป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองที่จะพิสูจน์ตัวเอง หากแพ้การเลือกตั้งจะได้นำมาเป็นข้อปรับปรุงในการทำงานต่อไป การตัดสินใจส่งนายวิโรจน์ครั้งนี้พรรคพิจารณาแล้วและมั่นใจว่าชนะคนกทม. ถือว่าเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นสนามใหญ่ที่สุด และเป็นเป้าหมายของพรรคที่วางไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องการยุติการรวมศูนย์ของราชการ ดังนั้นการวางตัวส่งผู้สมัครทั้ง ส.ก. / ส.ส.กทม. และผู้ว่าฯ กทม. ให้ทำงานสอดคล้องกัน

สิ้นเดือนนี้นายวิโรจน์จะยื่นใบลาออกจากการเป็น ส.ส. ซึ่งรอทำภารกิจในหน้าที่โฆษกคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร เสร็จสิ้นก่อน จากนั้นจะเดินหน้า “หาเสียง” ในฐานะว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคก้าวไกล