ไขข้องข้องใจประเด็นร้อน ‘ขับรถชนคนตาย บวชได้หรือไม่’ หลัง ส.ต.ต.นรวิชญ์ บวชหลังจากขี่บิ๊กไบค์ชนหมอกระต่ายเสียชีวิต
วันที่ 25 ม.ค. 2565 หลังจาก ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ขี่บิ๊กไบค์ชน พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือหมอกระต่าย จักษุแพทย์ ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะกำลังเดินข้ามทางม้าลาย จนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมาวันที่ 24 ม.ค. ส.ต.ต.นรวิชญ์ และพ่อได้บวชอุทิศส่วนกุศลให้กับหมอกระต่าย ที่วัดปริวาสราชสงคราม ถนนพระราม 3 ทำให้มีคำถามตามมาว่ากรณีเช่นนี้สามารถบวชได้หรือไม่
• ผบก.อคฝ. ยัน ‘บวชได้เพราะไม่ใช่นักโทษหนีหมายจับ’
พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิทย์ ผู้บังคับการตำรวจกองบังการอารักขาและควบคุมฝูงชน และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังการอารักขาและควบคุมฝูงชน ซึ่งเป็นต้นสังกัดของส.ต.ต.นรวิชญ์
ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนขณะที่ไปร่วมงานสวดอภิธรรมศพของหมอกระต่าย เมื่อวานนี้ (24 ม.ค.) ว่าการบวชในขณะที่มีคดีความสามารถทำได้ เพราะไม่ใช่คดีเกี่ยวกับการ ฆ่าบุพการี และนักโทษหนีหมายจับ แต่กรณีนี้เป็นการกระทำโดยประมาท
และยังบอกอีกว่า ส.ต.ต. นรวิชญ์ ได้ยื่นเอกสารขอลาบวชเพื่ออุทิศบุญกุศลให้กับผู้เสียชีวิต และยังไม่ทราบกำหนดสึก
• หลวงพี่น้ำฝน เผย เป็นการ ‘บวชอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้เสียชีวิต’
ขณะที่หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม นครปฐม ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับประเด็นนี้ในรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ว่า กรณีแบบนี้มีเยอะ มีคนไปขับรถชนคนตายแล้วเกิดจิตตกจึงอยากบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่ผู้เสียชีวิต ส่วนเรื่องคดีก็ว่ากันไปตามคดี
หลวงพี่น้ำฝน บอกว่า กรณีนี้เห็นว่ามีการขอผู้บังคับบัญชาเพื่อไปบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต แต่จะบวชกี่วันก็แล้วแต่ตัวผู้บวชเอง
ส่วนกรณีที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะเป็นการบวชเพื่อสร้างเงื่อนไขทางกฎหมายเพื่อขอบรรเทาโทษหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบว่าจะมีแบบนี้หรือไม่ แต่ที่ผ่านมาตนเจอบ่อยกับเหตุการณ์ที่ขับรถชนคนตายแล้วจิตตกจึงมาขอบวช และกฎมหาเถรสมาคม ไม่ได้ห้ามเพราะไม่ได้หนีคดี แต่ถ้าเป็นคดีฆ่าคนตายไม่สามารถบวชให้ได้ ส่วนการดำเนินคดี หากจะมีการเรียกมาสอบสวนเพิ่มเติม สามารถเรียกมาสอบทั้งผ้าเหลืองได้
สำหรับขั้นตอนการออกบวชนั้น ต้องขออนุญาตสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ จากนั้นต้องตรวจสอบประวัติอาชญากรรม กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และต้องตรวจโควิด-19
• วิษณุ ระบุ ‘บวชได้แต่อย่าหนีคดี’
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาล ที่ถามว่าตอนนี้สังคมกำลังเกิดข้อสงสัยกรณีที่นายตำรวจที่ชนแล้วไปบวชจะสามารถบวชได้หรือไม่ เพราะเพิ่งจะทำความผิด นายวิษณุกล่าวว่า บวชได้ เมื่อถึงเวลาค่อยสึกมา
เมื่อถามย้ำว่าไม่ใช่ลักษณะของการบวชเพื่อหนีความผิดใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า จำไม่ได้หรือกรณีมีพิธีกรผู้ประกาศข่าวทางโทรทัศน์มีเรื่องและไปบวช ไม่จำเป็นต้องให้คดีจบก่อน เพราะบวชไม่กี่วัน ไม่เป็นไร อย่าหนีก็แล้วกัน
แม้ว่าไม่มีกำหนดสึกก็ต้องสึกอยู่ดี เขาสามารถจับสึกเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าคดีมันชัดเจนสามารถจับสึกได้เลย แต่ว่าอย่าหนีก็แล้วกัน และความจริงบวชยิ่งหนียาก เพราะว่าที่อยู่ชัดเจน ส่วนการให้การในชั้นศาลสามารถทำได้ แม้อยู่ในสมณเพศ
• นักวิชาการศาสนา โพสต์ ‘บวชได้บวชไม่ได้รู้อยู่แก่ใจ’
นายจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าวว่า #อุปัชฌาย์ดีศรีพระศาสนา??
บวชได้บวชไม่ได้รู้อยู่แก่ใจ พรรษาไม่ใช่น้อยๆ ข่าวก็ครึกโครม
1.ข้าราชการจะบวชต้องมีกำหนดชัด ไม่ใช่บวชไม่สึก แบบนี้เรียกว่าละทิ้งหน้าที่ราชการ
2.ข้าราชการจะบวชต้องมีหนังสือรับรองจากต้นสังกัด ว่าไม่ได้หนีราชการมาบวช
3.หากเป็นผู้ต้องหาที่คดีไม่เป็นที่สิ้นสุด ต้องมีกำหนดให้ชัดเจนว่าจะสึกเมื่อไร ไปขึ้นศาลจะไปในผ้าเหลืองก็ได้ แต่เมื่อคดีสิ้นสุด ศาลลงอาญาก็ต้องสึก
4.แบบนี้เข้าเกณฑ์มหาเถรสมาคม ข้อ1-2-3 พระสังฆาธิการที่บวชให้ควรรับการลงโทษตามจริยาพระสังฆาธิการ
สุดท้ายนี้ คงต้องรอดู เจ้าคณะปกครอง ทั้งเจ้าคณะกทม. เจ้าคณะภาคหนึ่ง และที่ขาดเสียไม่ได้ เจ้าประคุณสมเด็จเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ที่จะแก้ไขเรื่องนี้ให้ถูกต้อง หรือจะนิ่งเงียบตีมึนกันไปวันๆ
• เปิดกฎมหาเถรสมาคมชี้ชัด ‘บวชไม่ได้’
นายสิปบวรณ์ แก้วงาม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวถึงประเด็นนี้กับ workpointTODAY ระบุว่า ตามกฎมหาเถรสมาคม ฉ.17 (2536) หมวดที่ 3 ข้อ 14 (3) เป็นหลักที่ชัดเจนว่าไม่สามารถบวชได้
ทั้งนี้เนื้อหาของ กฎมหาเถรสมาคม ฉ.17 (2536) หมวดที่ 3 หน้าที่พระอุปัชฌาย์
ข้อ 14 พระอุปัชฌาย์ต้องงดเว้นการให้บรรพชาอุปสมบทแก่คนต้องห้ามเหล่านี้
(3) คนต้องหาในคดีอาญา
นายสิปบวรณ์ กล่าวต่ออีกว่ากรณีนี้มีการขับรถชนคนตาย หากพระอุปัชฌาย์ รู้อยู่แล้วและยังบวชให้ เป็นอำนาจเจ้าคณะผู้ปกครองที่จะว่ากล่าวตักเตือนหรือกำหนดโทษ
แต่หากคนที่มาบวช ต้องคดีอาญาแต่พระอุปัชฌาย์ไม่ทราบมาก่อน แล้วมาทราบภายหลัง ก็จะให้พระรูปนั้นลาสิกขา