ศบค.ชุดใหญ่เตรียมประชุมพุธนี้ รับมือยอดติดโควิดพุ่ง

ศบค.ชุดใหญ่เตรียมประชุมพุธนี้ รับมือยอดติดโควิดพุ่ง ยันยังไม่ล็อกดาวน์ ระบบสาธารณสุข เตียงยังมีเพียงพอรองรับผู้ป่วย

วันที่ 21 ก.พ. 2565 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ศูนย์บริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์โควิดในประเทศไทย ว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18,883 คน ซึ่งเป็นการตรวจด้วยวิธี RT-PCR  และผู้ติดเชื้อแบบ ATK อีก 15,010 คน ซึ่งมีจำนวนกว่า 80% ที่ตรวจ ATK ผลบวกไม่ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตรวจ RT-PCR ซ้ำ จึงได้แยกตัวเลขและเข้าสู่กระบวนการรักษาโดยการแยกกักที่บ้าน Home Isolation แต่ต้องเน้นย้ำว่าทางกระทรวงสาธารณสุขและศบค.ไม่ได้มีการปิดบังตัวเลขจริง 

ส่วนกลุ่มที่รายงานผู้ติดเชื้อโควิดตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.65 พบว่า กลุ่มอายุน้อยกว่า 18 ปี อายุ 18-59 ปี และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ทุกกลุ่มมีแนวโน้มที่การติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นเช่นกันโดยในที่ประชุมศบค.ชุดเล็กย้ำ คือ ระบบการดูแลของกระทรวงสาธารณสุขอนุญาตให้มีการแยกดูแลที่บ้าน รวมทั้ง Community Isolation หรือศูนย์แยกกักในชุมชน ซึ่งมีการพัฒนาเข้าใจโรคมากขึ้น ระบบสาธารณสุขรองรับยังมีเพียงพอ และมีประสิทธิภาพ จึงเทียบกับปีที่แล้วไม่ได้ รวมทั้งประชาชนมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคมากขึ้นอาจจะเป็นปัจจัยนำเข้ารวมกันทำให้เกิดการพิจารณาในศบค.ชุดใหญ่พุธนี้

พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า ส่วนคลัสเตอร์ วันนี้สูงสุดยังคงเป็นร้านอาหารซึ่งรวมถึงร้านที่จำหน่ายแอลกอฮอล์ด้วย  นอกจากนี้ยังมีคลัสเตอร์โรงเรียน  ตลาดในชุมชนขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ บางแห่งมีการติดเชื้อซ้ำ ทางผอ.ศปก.ศบค.ได้เน้นย้ำไปยังฝ่ายปกครองทุกจังหวัด ขอให้กำกับติดตามโดยเฉพาะคลัสเตอร์ตลาดที่มีการติดเชื้อซ้ำซากขอให้ทางกำนันผู้ใหญ่บ้านลงกำกับ 

รวมถึงยังมีคลัสเตอร์พิธีกรรมต่างๆ เช่นงานบุญ งานบวช  ซึ่งไม่ได้มีแค่การทำพิธีกรรมอย่างเดียว แต่หลังจากพิธีกรรมกิจกรรมหลังพิธีกรรมที่มีการเล่นพนัน วงเหล้า วงไพ่ จับพนันชนไก่ จึงต้องเน้นย้ำให้ฝ่ายปกครองในทุกระดับทั้งผู้ใหญ่บ้านช่วยสาธารณสุขในพื้นที่ให้กำกับติดตามมาตรการอย่างเข้มงวด

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า นอกจากนี้คลัสเตอร์ที่ศบค.เป็นห่วงอย่างมาก คือ กลุ่มบุคลากรการแพทย์ ซึ่งมีการรายงานที่โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลประสาทที่สุรินทร์โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ที่ขอนแก่น โรงพยาบาลเบตงที่ยะลา มีการติดเชื้อ สิ่งที่สำคัญคือเมื่อบุคลากรติดเชื้อจะทำให้ต้องกักตัว ขาดแคลนบุคลากรที่จะดูแลประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ศบค.เป็นห่วง ในช่วงนี้หากงดเว้นกิจกรรมสังสรรค์รวมกลุ่มได้ขอความร่วมมือให้ชะลอไว้ก่อนเพราะตัวเลขขณะกำลังสูงขึ้นเอาเท่าที่จำเป็น ที่เป็นกิจกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่อปากท้องประชาชน เพื่อความเป็นอยู่ และหากจำเป็นต้องให้ผู้จัดงานเข้มงวดมาตรการ

พญ.อภิสมัย ยืนยันว่า ยังคงมีเตียงเพียงพอรองรับผู้ป่วย โดยระบุว่ากรมการแพทย์ได้รายงานเรื่องเตียงทั่วประเทศรายงานในวันที่ 20 ก.พ.เวลา 17.00 น. พบว่า อัตราครองเตียงระดับสองทั่วประเทศตอนนี้ยังอยู่ที่ 19% ส่วนสถานพยาบาลประเทศในระดับสามยังมีอัตราครองเตียงอยู่ที่ 16.5% ยังมีเตียงเพียงพอที่จะรองรับผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวซึ่งทางนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งให้ทุกจังหวัดเตรียมโรงพยาบาลสนามรองรับในกรณีที่มีความจำเป็น

ในวันที่ 23 ก.พ. นี้ จะมีการประชุมศบค.ชุดใหญ่ เพื่อประเมินสถานการณ์โควิด-19  โดยในที่ประชุม ศบค. ชุดเล็ก ซึ่งมีหลายหน่วยงานร่วมประชุม แจ้งข้อมูลยังไม่มีการพูดถึงความจำเป็นในการล็อกดาวน์ ทั้งนี้การกำหนดมาตรการต่างๆ ศบค.ไม่ได้ประเมินจากยอดผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยในโรงพยาบาล และผู้ป่วยอาการหนัก เท่านั้น แต่จะพิจารณาถึงเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และความเป็นอยู่ของประชาชนร่วมด้วย ทั้งนี้เมื่อไม่มาตรการล็อกดาวน์ และยังคงนโยบายเปิดประเทศ อาจต้องมีมาตรการที่เข้มงวด ส่วนจะเป็นอย่างไรขอให้ติดตามจากผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ 

ในส่วนของความกังวลของประชาชน บางครั้งอาจเกิดจากการรับฟังข้อมูลซึ่งอาจจะเป็นข้อมูลจากนักวิชาการ อาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะทำให้เกิดความตกใจว่าอาจจะมีการล็อกดาวน์นั้น ผู้ช่วย ศบค. ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีทิศทางหรือแนวโน้มที่จะประกาศล็อกดาวน์ จึงขอความร่วมมือนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญ เวลาที่ให้ความเห็นขอให้ระบุอย่างชัดเจนด้วยว่าเป็นเพียงความเห็นส่วนตัว เพราะว่าจะทำให้ทั้งประชาชนและผู้ประกอบการมีความกังวล  และไม่มีการยกเลิกมาตรการเข้าประเทศแบบ Test&Go เนื่องจากในกลุ่มผู้เดินทางเข้าประเทศ พบอัตราการติดเชื้อยังอยู่ในขีดความสามารถรองรับของระบบบสาธารณสุข