ครม. เบรกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ย้ำผู้ป่วยโควิด-19 เข้ารักษาฟรีได้ทุกโรงพยาบาลตามเดิม

อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เผย คณะรัฐมนตรียังคงระบบดูแลผู้ป่วยโควิดเป็นยูเซ็ปตามเดิม ย้ำโควิด-19 ยังเป็นโรคฉุกเฉินสถานพยาบาลทุกแห่ง ไม่สามารถปฏิเสธการรักษาได้

วันที่ 22 ก.พ. 2565 ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เลื่อนประกาศกระทรวงสาธารณสุขออกไปก่อน โดยให้ประชาชนรักษาอาการป่วยโควิด-19 ได้ฟรีได้ทุกสถานพยาบาล ตามหลักเจ็บป่วยวิกฤตฉุกเฉินรักษาฟรีทุกที่ตามเดิม ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้ทำความเข้าใจกับการใช้บริการด้านสุขภาพของตัวเอง และเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่อาจจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า สิทธิยูเซ็ปยังจะให้ดำเนินการต่อไปเหมือนช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากขณะนี้มีการแพร่ระบาดโควิด–19 เพิ่มขึ้น ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสน จึงไดเเสนอให้มีการเลื่อนการใช้สิทธิยูเซ็ปออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด

นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขให้ความมั่นใจว่าจะสามารถดูแลรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ได้ แม้มีแนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนมาตรการเป็นยูเซ็ป พลัด แต่กระทรวงสาธารณสุขก็ปรับเปลี่ยนมาตรการไปตามสถานการณ์ของแต่ละช่วงได้

ด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องการประกาศยกเลิกยูเซ็ป ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีความเป็มห่วงต่อประชาชนให้กระทรวงสาธารณสุขกลับไปทบทวนและชะลอการประกาศออกไปก่อน เพราะจะต้องไปทำความเข้าใจและซักซ้อมการให้บริการและปรับบริการเพื่อที่จะรับผู้ป่วยสีเขียว เนื่องจากขณะนี้ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนทำให้มีผู้ป่วยสีเขียว ค่อนข้างมาก และมีปัญหาในเรื่องของการรับโทรศัพท์ เช่น 1330 ไม่มีผู้รับสาย ไม่สามารถติดต่อได้ ดังนั้นจึงให้ไปเพิ่มบริการให้ดีก่อน และยืนยันว่าขณะนี้ผู้ป่วยโควิด-19ยังรักษาฟรีอยู่

พร้อมกันนี้วันนี้ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีรายงานว่า นายกรัฐมนตรี ได้ทดลองโทรไปยังสายด่วน 1330 ซึ่งพบว่า ผู้ให้บริการอยู่ในอาการที่เหนื่อยล้า พร้อมเปรยว่า เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ พร้อมกันนี้ นายกฯให้สั่งการให้จัดทำแผนรองรับผู้ป่วยให้ชัดเจน ทั้งในส่วนของ โฮมไอโซเลชั่น และ คอมมินิตี้ไอโซเลชั่น

⚫ สธ.รับลูกเลื่อนใช้มาตรการยูเซ็ป โควิด-19 พลัส

ด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) แถลงชี้แจงว่า เดิมจะมีการประกาศใช้แนวทางการรักษามาตรการยูเซ็ป โควิด-19 พลัส (UCEP Covid-19 Plus) ในวันที่ 1 มี.ค.นี้ เพื่อปรับระบบการบริการให้ผู้ป่วยโควิด-19 ไปใช้การรักษาตามสิทธิสุขภาพของแต่ละบุคคล และเตรียมประกาศยูเซ็ป โควิด-19 พลัส (UCEP Covid-19 Plus) โดยให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กำหนดเกณฑ์ผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มอาการสีเหลืองและสีแดง เพื่อให้ใช้บริการได้ทุกที่ ฟรีทุกสิทธิในสถานพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชน

นพ.ธเรศ กล่าวว่า วันนี้มีการแพลนที่นำเรื่องอัตราที่จะจ่ายค่าบริการให้สถานพยาบาลเข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบ โดยวันนี้ ครม.ให้ความเห็นมอบให้กระทรวงสาธารณสุขไปทบทวนเรื่องกระบวนการและเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะในเรื่องกระบวนการติดต่อการรักษา ช่องทางต่างๆ รวมถึงเรื่องยูเซ็ปโควิด-19 พลัสในอนาคต และการปรับระบบการรักษาที่บ้าน (Home Isolation: HI) ให้กระบวนการมีความคล่องตัว และการทำความเข้าใจกับประชาชน

วันนี้ ครม.จึงยังไม่มีมติใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นทางกระทรวงสาธารณสุขก็จะรับเรื่องนี้มาเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน ทำความเข้าใจกับสถานพยาบาล และทบทวนกระบวนการต่างๆ ส่วนเรื่องของการประกาศยกเลิกผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตทางคณะรัฐมนตรีก็ขอให้กระทรวงสาธารณสุขนำไปทบทวนให้สอดคล้องกัน

“โดยสรุประบบการดูแลก็ยังคงเป็นระบบยูเซ็ปยังเหมือนเดิม แต่ก็ฝากกระบวนการดูแลผู้ป่วยโดยเฉพาะกรุงเทพฯ ที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ และครม.ฝากให้ดูแลเรื่องการสื่อสาร การนำเข้าระบบการรักษา” นพ.ธเรศ กล่าว

นพ.ธเรศ ชี้แจงจำนวน Hospitel ว่า ตอนนี้มี Hospitel ที่เปิดให้บริการอยู่ 200 แห่ง มีจำนวนเตียงกว่า 36,000 เตียง และมีผู้ป่วยเข้ารับการดูแลอยู่ ยืนยัน Hospitel ยังเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ก็มีเปิดเพิ่มขึ้นอีก 3-4 แห่ง

ส่วนกรณีโรงพยาบาลปฏิเสธการรับผู้ป่วยดควิด-19 นพ.ธเรศ อธิบายว่า ตอนนี้มาตรการยูเซ็ปยังมีผลอยู่ ผู้ป่วยโควิด-19 ถือเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินต้องได้รับการดูแล โรงพยาบาลไม่สามารถปฏิเสธการรักษาได้ ถ้าพบผู้ป่วยแล้วไม่สามารถรักษาได้ต้องส่งต่อและไม่มีสิทธิเรียกเก็บเงินมัดจำ