SHARE

คัดลอกแล้ว

ประธานชมรมแพทย์ชนบท โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความคิดเห็นว่าด้วย “เจอ-แจก-จบ” มีผลวันนี้เป็นวันแรก ชี้เป็นอีกแนวทางที่สอดรับการระบาดของเชื้อโอไมครอน

วันที่ 1 มี.ค. 2565 วันนี้เป็นวันแรกที่กระทรวงสาธารณสุขจะเริ่มแนวทางกันรักษาผู้ป่วยโควิด-19 แบบผู้ป่วยนอก เจอ-แจก-จบ สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย โดยจะแจกยารักษาไวรัสโดยตรง คือ ฟาวิพิราเวียร์ ยาฟ้าทะลายโจร และยารักษาตามอาการ เช่น วิตามินซี ยาลดไข้ ลดน้ำมูก แก้ไอ ตามอาการที่มีโดยการให้ยาขึ้นดุลยพินิจแพทย์

ล่าสุดนพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ ประธานชมรมแพทย์ชนบท แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า แนวทางของกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง ‘เจอ-แจก-จบ’  โดยปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ที่กำลังจะประกาศใช้ 1 มีนาคม 2565 โดยมีชุดความคิดหลักคือ การรักษาผู้ติดเชื้อโควิดที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ซึ่งหมายถึงผู้ป่วยสีเขียวนั้น ให้โรงพยาบาลต่างๆรักษาแบบ OPD case คือ เจอผู้ติดเชื้อ ให้จ่ายยา แล้วให้กลับบ้านไปทานยาดูแลตนเองและกักตนเอง (โดยไม่ต้องเข้าระบบ Home isolation ที่มีเจ้าหน้าที่ดูแล และในส่วนของการจ่ายยานั้น ให้มียาสามระดับคือ ยาฟาวิพิราเวียร์สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการมาก ยาฟ้าทะลายโจรสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย และยารักษาตามอาการเช่นยาไข้ ยาไอ ยาลดน้ำมูก สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ

ชมรมแพทย์ชนบทได้มีการถกกัน และมีข้อสรุปและข้อเสนอแนะดังนี้

1. ชมรมแพทย์ชนบท เห็นด้วยกับปลัดกระทรวงสาธารณสุขสำหรับแนวคิดเรื่อง “เจอ-แจก-จบ” และ “การจ่ายยาเป็น 3 ระดับ” ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับการอยู่ร่วมกับโควิด ลดภาระของสถานบริการ ลดค่าใช้จ่ายภาครัฐที่ต้องใช้งบจากเงินกู้ รวมทั้งเป็นอีกแนวทางที่สอดรับการระบาดของเชื้อโอไมครอนที่ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง

2. อย่างไรก็ตาม ชมรมแพทย์ชนบทอยากจะให้ทางกระทรวงสาธารณสุขสื่อสารให้ชัดเจนว่า “แนวทาง เจอ-แจก-จบ” นั้นเป็นอีกแนวทางทางเลือกใหม่สำหรับการรักษาผู้ติดเชื้อโควิดแบบ OPD case แต่ต้องไม่ใช่แนวทางหลักหรือแนวทางเดียวของการดูแลผู้ป่วยโควิด เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดหรือการสื่อสารที่ขาดความชัดเจน เมื่อเป็นเช่นนี้จะทำให้การดูแลรักษาผู้ป่วยโควิดของประเทศไทย จะประกอบด้วย การ admit เข้า โรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม CI HI หรือรักษาแบบ OPD case (เจอ-แจก-จบ) ตามแต่ดุลยพินิจของแพทย์หรือวิชาชีพสุขภาพจะพิจารณา ให้สอดคล้องกับบริบททั้งของผู้ป่วย การระบาด และความเพียงพอของเตียงและกำลังคนในสถานพยาบาล

3. ข้อน่าห่วงกังวลประการสำคัญของ แนวทาง “เจอ-แจก-จบ” คือ การหย่อนมาตรการการควบคุมโรค เพราะการอนุญาตให้ผู้ป่วยกลับไปกักตัวเองและดูแลตนเอง 10 วัน เสมือนเป็นไข้หวัดทั่วไป อาจมีบางคนที่มีความจริงจังในการกักตัวน้อย หรือบางรายก็มีข้อจำกัดเรื่องที่พักที่คับแคบ ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคสูงขึ้น ดังนั้นในพื้นที่ที่ยังมีการระบาดน้อย อาจต้องใช้การกักตัวใน CI หรือ HI ที่มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขดูแล ซึ่งจะช่วยลดการระบาดได้มากกว่าการใช้แนวทาง “เจอ-แจก-จบ”

4. อุปสรรคสำคัญประการหนึ่งของแนวทาง “เจอ-แจก-จบ” คือ เมื่อแนวทางนี้เป็นการรักษาแบบ OPD case ทำให้โรงพยาบาลต่างๆไม่สามารถขอรับค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ติดเชื้อโควิดจากงบการรักษาพยาบาลกองกลางของรัฐบาลได้ ต้องใช้งบจากเงินจัดสรรรายหัวตามสิทธิหลักประกันสุขภาพของกองทุนผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลเอง ซึ่งการรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้ แม้ค่ายาจะไม่มาก แต่ค่าใช้จ่ายของชุด PPE รวมทั้งค่าจ้างค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ เป็นรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นมาจากระบบปกติ ดังนั้นทางกระทรวงสาธารณสุขควรหารือเรื่องดังกล่าวกับหน่วยงานต่างๆเพื่อกำหนดวิธีการเบิกค่าใช้จ่ายคืนให้กับทางโรงพยาบาลในลักษณะ Fee for Schedule ด้วย ไม่ควรผลักภาระให้กับโรงพยาบาลและ รพ.สต.

5. ทั้งนี้ หากกระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่า เราต้องอยู่กับโควิดให้ได้ (ซึ่งควรเป็นเช่นนั้น) ด้วยการประกาศให้โควิดเป็น endemic disease แทนการเป็นโรคระบาด กระทรวงสาธารณสุขก็ต้องคุยกับนายกรัฐมนตรีเพื่อให้มีการยกเลิกการใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในการควบคุมโรคโควิดได้แล้ว เพราะหมดความจำเป็นแล้ว และถอดโรคโควิดจากการเป็นโรคติดต่ออันตราย จึงจะทำให้เกิดความสมเหตุสมผล มิเช่นนั้นก็จะเกิดความลักลั่นสับสนของทั้งในระดับหลักการและในระดับปฏิบัติ

“เจอ-แจก-จบ” คืออีกทางเลือกในการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด แต่ต้องไม่ตอกย้ำจนกลายเป็นทางหลักทางเดียว ชมรมแพทย์ชนบท 28 กุมภาพันธ์ 2565

https://www.facebook.com/supathasuwannakit/posts/1155930251612434

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า