‘อนุทิน’ ชง ‘ยูเซ็ปพลัส’ ให้ครม.พิจารณาอีกครั้งเตรียมเคาะจ่ายเงิน รพ.เอกชนรับรักษาผู้ป่วย

โควิด-19 วันนี้ผู้ป่วยรักษาหายมากกว่าผู้ติดเชื้อ ‘อนุทิน’ เชื่อเริ่มเป็นขาลง เร่งชง ‘ยูเซ็ปพลัส’ ให้ ครม.พิจารณาอีกครั้ง

วันที่ 8 มี.ค. 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว. สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีถึงสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 โอไมครอนว่า วันนี้ในที่ประชุม ครม. จะพิจารณาเรื่องยูเซ็ปพลัส UCEP COVID (Universal Coverage for Emergency Patients) เพื่อเป็นการจัดระเบียบผู้ป่วยโควิด-19 ให้เข้าถึงเตียงจะมีขั้นตอนอย่างไร ยืนยันทุกอย่างยังเหมือนเดิม เราต้องมีเตียงให้ผู้ป่วยอาการรุนแรง ผู้ที่อาการไม่รุนแรงให้รักษาตัวอยู่ที่บ้านตามมาตรการ เจอ-แจก-จบ

วันนี้ ครม.จะพิจารณาพิจารณาเรื่องการของบประมาณดูแลผู้ป่วยยูเซ็ปพลัสที่อาการรุนแรง ฉุกเฉิน สามารถเข้าโรงพยาบาลไหนก็ได้และไม่ต้องส่งตัว ซึ่งสาธารณสุขได้ขอปรับหมวดค่าใช้จ่ายเพื่อให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) รีบจ่ายโรงพยาบาลที่รับผู้ป่วยเหล่านี้ แต่เป็นการเร่งรัดค่ารักษาให้โรงพยาบาล เพราะทราบมาว่าโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งที่ต่างจังหวัดรักษาผู้ป่วยโควิดแต่ยังเบิกเงินไม่ได้

รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง แต่ตัวเลขผู้เสียชีวิตกลับเพิ่มขึ้นขณะนี้สถานการณ์น่าจะเป็นขาลง ทุกรอบของการระบาดช่วงแรกผู้ติดเชื้อกับผู้หายป่วยจะตัวเลขที่ห่างกัน วันหนึ่งผู้หายป่วยจะมากขึ้น ถ้าผู้หายป่วยมากกว่าผู้ติดเชื้อ เช่นวันนี้ที่ผู้หายป่วยมากกว่าผู้ติดเชื้อใหม่ถือเป็นสัญญาณที่ดี ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตต้องนำไปเทียบเคียงกับผู้ติดเชื้อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม 608 ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงและส่วนใหญ่ผู้ไม่ได้รับวัคซีน

โควิด-19 โอไมครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2 เพิ่มขึ้น 51.8%

จากการสุ่มตรวจสายพันธุ์ตัวอย่างเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ. – 4 มี.ค. 2565 จำนวน 1,905 ราย พบสายพันธุ์เดลตาเพียง 7 ราย ที่เหลือเป็นสายพันธุ์โอไมครอน คิดเป็น 99.63% และจากการตรวจสายพันธุ์ย่อยรวม 1,802 ตัวอย่าง พบเป็นสายพันธุ์ย่อย BA.2 ถึง 51.8% แสดงว่า BA.2 แพร่เร็วกว่า BA.1 ซึ่งมีข้อมูลว่าแพร่เร็วกว่า 1.4 เท่า ขณะที่การแพร่ในครัวเรือน BA.2 อยู่ที่ 39% ส่วน BA.1 อยู่ที่ 29% หรือแพร่เร็วกว่า 10%

ดังนั้นสัปดาห์ถัดไปอาจจะพบ BA.2 สูงขึ้นและอาจมาแทน BA.1 ได้ ทั้งนี้พบความรุนแรงไม่แตกต่างกัน โดยพบว่า BA.2 ดื้อต่อวัคซีนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ยา “โมโนโคลนอลแอนติบอดี” หรือยาจากภูมิคุ้มกันที่ใช้รักษาผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาและ BA.1 ได้ จะไม่ค่อยได้ผลใน BA.2 แต่ยังไม่กระทบกับวิธีรักษาเพราะโอไมครอนส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง การรักษาด้วยวิธีอื่นยังได้ผลเหมือนเดิม