โรมัน อบราโมวิช เศรษฐีรัสเซีย ถูกคว่ำบาตรจากอังกฤษ ระหว่างที่เขากำลังเร่งหาคนมาซื้อสโมสรฟุตบอลเชลซี หลังเจอแรงกดดันจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน
เศรษฐีทั่วโลกต่อคิวแสดงความสนใจเข้าซื้อทีมเชลซีตั้งแต่
- นิค แคนดี้ เจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์
- ฮันส์ยอร์ก ไวส์ เศรษฐีชาวสวิตเซอร์แลนด์
- จอช แฮร์ริส มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน
- ทอดด์ โบห์ลี่ เจ้าของร่วมของทีม LA Dodgers ชาวอเมริกัน
แต่จนถึงตอนนี้ก็ ยังไม่ใกล้เคียงกับการหาเจ้าของใหม่ได้สำเร็จ เชลซีเองก็เริ่มสั่นคลอน เพราะรัฐบาลสั่งห้ามไม่ให้ขายบัตรเข้าชมการแข่งขัน ห้ามเปิดร้านขายของที่ระลึกทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ไม่สามารถหารายได้จากการขายตั๋วเข้าชมเกมเพิ่มได้
เชลซี มาถึงทางตัน หารายได้เพิ่มก็ไม่ได้ ขายทีมก็ไม่ได้ ในสถานการณ์ปกติ การซื้อขายทีมก็ยากอยู่แล้ว ใช้เวลานานเป็นปีๆ ในการเจรจา ยิ่งมาอยู่ภาวะไม่ปกติแบบนี้ ยิ่งยากเข้าไปใหญ่
ราคาขายเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เชลซีขายออกยาก มีการวิเคราะห์กันว่า การตั้งราคาไว้ที่ 3 พันล้านปอนด์ของอบราโมวิชนั้น สูงเกินไปหรือไม่
ราคาทีม 3 พันล้านปอนด์ ในมุมหนึ่งก็อาจมองไว้ว่าเป็นมูลค่าที่สมน้ำสมเนื้อ และสมศักดิ์ศรีทีมระดับโลกอย่างเชลซี
แต่บทวิเคราะห์จาก New York Times รวมถึงสื่อกีฬาหลายๆ หัวมองว่า มูลค่าเชลซีอาจไม่ถึง 3 พันล้านปอนด์ อย่างที่อบราโมวิชตั้งตัวเลขเอาไว้ ด้วยเหตุผลดังนี้
1) อบราโมวิช ซื้อทีมเชลซีตั้งแต่ปี 2003 ในราคา 175 ล้านปอนด์ หลังจากนั้นเขาใช้เงินไปรวมๆ 2.13 พันล้านปอนด์ ในการซื้อนักเตะตัวท็อปมาร่วมทีม
2) ทีมเชลซี ประสบความสำเร็จมากจริงๆ ในยุคของ อบราโมวิช นับตั้งตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา เชลซีคว้าแชมป์ได้มากกว่าสโมสรอื่นๆ ในอังกฤษ
แต่ความสำเร็จก็แลกมาด้วยหนี้สินมหาศาลที่เกิดจากการลงทุน การบริหารจัดการ ซึ่งคิดเป็นหนี้สินรวมแล้วราวๆ 1,500 ล้านปอนด์ แต่ อบราโมวิช ยืนยันว่าเขาจะรับผิดชอบหนี้สินส่วนนี้เอง ไม่ขอให้สโมสรชำระหนี้ให้
3) สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ ที่ อบราโมวิช ตั้งใจจะปรับปรุงใหม่เมื่อ 4 ปีที่แล้ว มีการวางงบฟื้นฟูราวๆ 1 พันล้านปอนด์ แต่ก็ยังไม่ได้ดำเนินการ เพราะติดปัญหาเรื่องการขอสัญชาติอังกฤษ
นั่นหมายความว่า เจ้าของทีมคนใหม่ต้องรับผิดชอบการฟื้นฟูสนามกีฬาด้วย มีการประเมินกันว่าต้นทุนของการสร้างสนามใหม่ใจกลางลอนดอนตอนนี้ เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตัวไปแล้ว
เกิดคำถามเพิ่มว่า จะมีนายทุนคนไหนพร้อมใจเทเงินให้เชลซีได้อย่าง อบราโมวิช อีก
4) เมื่อมาดูตัวเลขการซื้อทีมฟุตบอลที่ผ่านมา ก็ไม่สูงขนาดนี้
หนึ่งในการซื้อทีมที่เป็นข่าวดังคือ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ซื้อทีมนิวคาสเซิล ในราคา 300 ล้านปอนด์ (ซื้อในนามกองทุนเพื่อความมั่งคั่งของซาอุดีอาระเบีย Public Investment Fund – PIF)
หรือในกรณีคนไทยที่เป็นเจ้าของทีมฟุตบอลอย่าง วิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ และ ผู้บริหารคิงพาวเวอร์ ก็ซื้อทีม เลสเตอร์ ซิตี้ ในมูลค่า 40 ล้านปอนด์ (ปี 2010) ซึ่งถ้าคิดมูลค่าทีมเมื่อเวลาผ่านไปของเลสเตอร์ ซิตี้ ตอนนี้อยู่ที่ราวๆ 349 ล้านปอนด์ (ข้อมูลจาก Forbes)
5) การประเมินมูลค่าเชลซีจากสำนักวิเคราะห์แต่ละแห่ง ไม่ถึง 3 พันล้านปอนด์
เม.ย. ปีที่แล้ว Forbes ประเมินมูลค่าของทีมเชลซี อยู่ที่ 2.4 พันล้านปอนด์ ซึ่งเป็นการประเมินก่อนที่ก่อนที่ทางสโมสรจะคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกเป็นสมัยที่ 2 และได้แชมป์คลับ เวิลด์ คัพ
และถ้าดูมูลค่าทีมฟุตบอลจาก Forbes ทีมที่มีมูลค่าสูงระดับ 3 พันล้านปอนด์จริงๆ มีอยู่แค่หยิบมือเดียว คือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, บาเยิร์น มิวนิค, เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า
ส่วน KPMG Football Benchmark ที่มีชื่อเสียงด้านการจัดอันดับธุรกิจทีมฟุตบอล ก็ประเมินมูลค่าเชลซีไว้เต็มที่ 1.56 พันล้านปอนด์เท่านั้น
ดังนั้น มูลค่าทีม 3 พันล้านปอนด์ของเชลซี อาจเป็นตัวเลขที่ดูมองโลกในแง่ดีเกินไป เมื่อพิจารณาจากปัญหารุมเร้าในตอนนี้
แหล่งข่าวระดับสูงที่มีความเชี่ยวชาญในการซื้อขายสโมสรในพรีเมียร์ลีกกล่าวว่า “ถ้าอบราโมวิชขายเชลซีได้เงินกลับมา ตัวเลขเฉียดสัก 2 พันล้านปอนด์ ก็ถือว่าเป็นโชคดีมากๆ แล้ว”
แฟนบอลเชลซีเรียก อบราโมวิช ว่าเจ้าของสโมสรที่ดีที่สุด เป็นคนที่ทำให้แฟนบอลมีความสุขมาตลอด 19 ปี ตั้งแต่มีเขามาเป็นเจ้าของ
แต่การมีเจ้าของเป็นเจ้าบุญทุ่ม ก็ทำให้เหมือนขาดตัวเขาไปแล้ว ทั้งสโมสรและแฟนบอลก็ต้องอยู่ในภาวะอกสั่นขวัญแขวน เป็นช่วงเวลาพิสูจน์หัวใจของการเป็นสิงโตน้ำเงินครามอย่างยิ่ง
ที่มา : Mirror, New York Times, Independent, Football London, วิเคราะห์บอลจริงจัง, Forbes 1 2, BBC Thai