‘จุรินทร์’ ให้นโยบาย ‘สุชัชวีร’ บริหารกทม.ด้วย 3 นวัตกรรม ชู ส.ก.พลัส ทำหน้าที่แทน ส.ข. ด้วย

‘จุรินทร์’ มอบภารกิจ ส.ก.พลัส มั่นใจผู้สมัคร ส.ก. ทุกคนคุณภาพคับแก้ว ไม่โดดเดี่ยว มีประชาธิปัตย์เป็นหลังพิง

ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ วันที่ 21 มี.ค. 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวเปิดการสัมมนาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. ประจำเขต ที่พรรคประชาธิปัตย์ ว่า ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. ครั้งนี้ถือว่าเป็นยุคที่ประชาธิปัตย์มีความพร้อมที่สุดยุคหนึ่ง และถือว่าประชาธิปัตย์ได้เสนอทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับพี่น้องชาวกรุงเทพฯ อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งพรรคมีความพร้อมเรื่องตัวผู้สมัคร ส.ก. ตั้งแต่ก่อนเปิดตัวผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. ของพรรคอีกด้วย และได้มีการลงพื้นที่มาเป็นลำดับจนกระทั่งถึงวันเปิดตัว ทั้ง 50 เขตเลือกตั้ง

แม้ในการเลือกตั้งใหญ่ปี 62 ประชาธิปัตย์จะไม่มี ส.ส. กทม. เลยก็ตาม แต่ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เราได้พิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นทุ่มเท พิสูจน์ถึงการทำงาน ทั้งในคณะรัฐบาล และในพื้นที่กรุงเทพ ก็พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่าเรามีผลงานรูปธรรมที่จับต้องได้ชัดเจน ทั้งในเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจระดับประเทศ มีตัวเลขการส่งออกที่ไม่เคยมียุคไหนทำได้ท่ามกลางสถานการณ์โควิด ที่สามารถทำตัวเลขส่งออกเป็นบวกได้ถึง 17.1% ทำเงินเข้าประเทศได้ถึง 8.5 ล้านล้านบาทและกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ที่เป็นตัวจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเพราะรายได้จากการท่องเที่ยวเกือบจะเรียกว่าหายไป แม้เศรษฐกิจสำหรับคนตัวเล็ก เกษตรกร ก็มีประกันรายได้เกษตรกรที่ทำให้เกษตรกรมีหลักประกันในชีวิต เพราะมีส่วนต่างเป็นตัวช่วยยามพืชผลตกต่ำ แต่มาถึงวันนี้ราคาพืชผลการเกษตรดีทุกตัว

โดยเฉพาะเรื่องรายได้จากการส่งออกนั้นมีผลอย่างยิ่งต่อพี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร เพราะเป็นการนําเงินเข้าประเทศ ทำให้ กรุงเทพฯ ได้รับผลจากการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยเช่นเดียวกัน เงินจำนวนนี้แปลงมาเป็นภาษี เงินจำนวนนี้ทำให้ผู้ประกอบการที่เป็นอุตสาหกรรมจำนวน 13% ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อน GDP สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ทำให้ผู้ที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่อยู่ในกรุงเทพฯ จำนวนมาก สามารถมีรายได้ต่อลมหายใจได้ และเงินทั้งหมดนี้นำมาเป็นเงินพัฒนากรุงเทพมหานครเป็นงบประมาณให้ กทม. นำมาใช้จ่ายเยียวยาดูแล ตั้งแต่คนตัวกลาง คนตัวเล็ก ชาวกรุงเทพฯได้

สิ่งเหล่านี้ได้ปรากฏเป็นผลสัมฤทธิ์ให้เห็นได้ชัดเจนว่า 3 ปี เราได้พิสูจน์ความมุ่งมั่นทุ่มเทการทำงานในรัฐบาลจนเกิดผลสัมฤทธิ์เห็นเป็นรูปธรรม และแม้แต่ในพื้นที่ แม้เราไม่มีผู้แทนราษฎรเลย แต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา เรามีสมาชิกของพรรค ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ลงพื้นที่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตโควิดประชาธิปัตย์เป็นพรรคหนึ่งที่เราไม่เคยทิ้งชาวกรุงเทพมหานคร การจัดถุงน้ำใจประชาธิปัตย์ การจัดตั้งศูนย์ ศปฉ.ปชป. ช่วยประสานงานหาเตียงให้กับพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ที่ประสบภัยโควิด เราทำได้ มีผลสัมฤทธิ์ก้าวหน้าเป็นรูปธรรมโดยต่อเนื่อง แม้จนวันนี้ก็ยังไม่เลิกรา

นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ว่า เรามุ่งมั่นทุ่มเทและตั้งใจทำงานเพื่อพี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร รวมทั้งจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจนของประชาธิปัตย์ ซึ่งเราได้ประกาศชัด ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

“ไม่ต้องรอให้ใครมาถามว่าจุดยืนประชาธิปัตย์ ทางการเมืองและอุดมการณ์คืออะไร ที่สำคัญไม่แพ้ไปกว่าเรื่องนี้ก็คือจุดยืนในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ว่าเราอยู่ในสถานะพรรคร่วมรัฐบาล หรือในฐานะพรรคการเมืองหนึ่งในระบอบประชาธิปไตยรัฐสภาปัจจุบัน เราได้พิสูจน์ความเป็นสถาบันทางการเมืองที่ยั่งยืน ที่ชัดเจน ประชาธิปัตย์ไม่เคยเขว หลักมั่นคงแน่นเหนียวเรามีหน้าที่อะไรเราทำของเรา และทำเต็มกำลังความสามารถ มีผลงานปรากฏเป็นรูปธรรม และเราไม่ซ้ำเติมสถานการณ์ประเทศ ทั้งหมดเราเดินหน้ามุ่งมั่น จนผมมั่นใจว่าเราพิสูจน์ให้คนไทยทั้งประเทศ และพี่น้องชาวกรุงเทพฯ เห็นได้ชัดเจนว่า เขาฝากผีฝากไข้ ฝากอนาคตไว้กับประชาธิปัตย์ ในฐานะที่เป็นสถาบันทางการเมืองที่ยั่งยืนได้” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

พร้อมกับระบุว่า ด้วยเหตุนี้ ตนจึงมั่นใจว่าเสียงตอบรับจากพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ดีขึ้น ทั้งจากการลงพื้นที่ที่ไปสัมผัสชาวกรุงเทพฯ ตัวจริง เสียงตอบรับที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับ 3 ปีที่ผ่านมา และดีขึ้นทั้งผลสำรวจแม้จะมีบางโพลบอกว่าคะแนนดีขึ้นนิดเดียว หรือทรงอยู่กับที่ แต่จากหลายโพลที่เราสำรวจ และติดตามประเมินร่วมกัน เราเดินขึ้น โดยเฉพาะในกรุงเทพฯไม่ได้เดินลง

ตรงนี้จึงเป็นที่มาทั้งการเตรียมคน เตรียมผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ทั้งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. และผู้สมัคร ส.ก. พรรคจึงต้องเตรียมคนที่ดีที่สุดและมีศักยภาพมีคุณภาพที่สุด เพื่อให้เขาสามารถปฏิบัติงานได้จริง

“เราเชื่อว่า เรามีโอกาส ไม่ใช่ส่งเพียงเพื่อให้ครบ ไม่ใช่ส่งเพียงเพื่อแก้บนทางการเมือง แต่ส่งเพราะเรามั่นใจว่าเราจะได้รับโอกาสจากพี่น้องชาวกรุงเทพฯ เพราะเสียงตอบรับ และ 3 ปีที่เราทำมาดีขึ้นจริงๆ รวมทั้งนโยบายที่กำหนด ทิศทางวิสัยทัศน์ทั้งหมด คือสิ่งที่เราได้เตรียมการไว้สำหรับรองรับการปฏิบัติได้จริง ไม่ใช่เขียนไปท่ามกลางความฝัน อวกาศ เราคิด เราเขียน เราประกาศ ทั้งผม ทั้ง ดร.เอ้ ประกาศบนพื้นฐาน ที่เราหวังว่าเราจะได้ทำและทุกอย่างทำได้จริง”

ทั้งนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้กล่าวถึง สิ่งที่ได้มีการแสดงวิสัยทัศน์ “ผู้นำประเทศ ผู้นำเมือง” เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ที่ผ่านมาว่า ได้มีการประกาศเป็นวิสัยทัศน์และทิศทางที่จะต้องทำ หาก ศ.ดร.สุชัชวีร์ ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. คือ เราจะต้องบริหารกรุงเทพฯ เสมือนเป็น Mini Thailand ด้วย 3 นวัตกรรมทางการบริหารจัดการกรุงเทพฯ ประกอบด้วย

นวัตกรรมตัวที่ 1 ครม. กรุงเทพฯ เพราะทันทีที่เราได้รับการเลือกตั้ง เราจะบริหารแบบเดิมๆ ไม่ได้ พ้นเวลาแล้ว จึงต้องปรับรูปแบบการบริหารให้เป็นคณะรัฐมนตรีกรุงเทพฯ เพราะกรุงเทพฯ มีปัญหาเพิ่มเติมขึ้นมากมายหลายด้านมากกว่าในอดีตโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ

นวัตกรรมตัวที่ 2 กรอ. กรุงเทพฯ หรือคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนกรุงเทพฯ เพื่อเป็นเวทีสร้างการมีส่วนร่วมให้กับทุกภาคส่วนได้มาทำงานร่วมกับผู้บริหารกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ตั้งแต่คนตัวใหญ่ ตัวกลาง จนถึงคนตัวเล็ก ได้มีเวทีพบกับผู้ว่าฯ กทม. และประสานงานทำงานร่วมกัน

นวัตกรรมตัวที่ 3 การบริหารจัดการแบบเกรทเตอร์ แบงคอก (Greater Bangkok) โดยจะต้องทำงานประสานกับปริมณฑลอย่างจริงจัง เพราะทั้งคน และเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภคเชื่อมโยงถึงกันทั้งหมด ผู้ว่าฯ กทมจะบริหารเฉพาะ กทม. โดดเดี่ยวไม่พอ ต้องเป็นนักประสานงานทำงานร่วมกัน อาจถึงขั้นต้องมีคณะกรรมการเกรทเตอร์แบงคอก หรือคณะกรรมการบูรณาการ กรุงเทพฯและปริมณฑล

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้กล่าวถึงเรื่องคุณภาพของผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต ว่า นอกจากทุกคนมีความพร้อม และลงพื้นที่ต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้แล้ว พรรคได้กลั่นกรองมาเป็นอย่างดี สมน้ำสมเนื้อ และมั่นใจว่าคุณภาพคับแก้วทุกคน จากจำนวน ผู้สมัคร ส.ก. 50 คน เป็นอดีตสมาชิกสภากรุงเทพมหานครถึง 13 คน แปลว่าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์เป็น ส.ก. มาแล้ว เข้าไปปั๊บทำได้ปุ๊บ และเข้าใจภารกิจอย่างดี เป็นอดีต ส.ข. ที่มีพื้นฐานทำงานในชุมชนเขตต่างๆ มาแล้ว 14 คน และมีเลือดใหม่ที่เข้ามาร่วมอุดมการณ์กับพรรคอีก 23 คน

“ทีม ส.ก. ประชาธิปัตย์ มีทั้งผู้มีประสบการณ์ มีทั้งคนเคยทำงานเชิงลึก ในนาม ส.ข. และมีทั้งเลือดใหม่ที่พร้อมจับมือทำงานร่วมกัน เติมเต็มให้สภากรุงเทพมหานครในนามประชาธิปัตย์สามารถทำหน้าที่ได้ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ และเลือดใหม่ที่เข้ามาก็เข้ามาช่วยขับเคลื่อนอนาคตให้กับกรุงเทพมหานคร ร่วมกับคนมีประสบการณ์และมาขับเคลื่อนอนาคตให้ประชาธิปัตย์ต่อไปในอนาคตด้วย”

นอกจากนี้ผู้สมัคร ส.ก. ยังมาจากอาชีพที่หลากหลาย ตั้งแต่นักกฎหมาย นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย นักการศึกษา นักสาธารณสุข เภสัชกร รวมไปถึงนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จระดับชาติ สจ๊วตสายการบิน อดีตข้าราชการ ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงคุณภาพคับแก้วทุกคน สำหรับพื้นฐานการศึกษานั้น จบการศึกษาระดับปริญญาเอก 6 คน ปริญญาโท 23 คน ถือว่าเป็นการจบการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไปมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้นจบการศึกษาระดับปริญญาตรี สิ่งนี้เป็นบทพิสูจน์ว่าประชาธิปัตย์ส่งทางเลือกที่ดีที่สุดทางหนึ่งสำหรับพี่น้องชาวกรุงเทพฯ และทุกคนมีความพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุดสำหรับชาวกรุงเทพฯ

นอกจากนี้หัวหน้าพรรคได้มอบภารกิจให้ผู้สมัคร ส.ก. หากได้รับเลือกตั้งแล้ว จะต้องทำหน้าที่เป็น ส.ก.พลัส เพราะจากการที่มีการยกเลิก ส.ข. ทำให้ขาดคนทำหน้าที่ลงลึกไปถึงทุกชุมชนในพื้นที่ ดังนั้น ส.ก. ประชาธิปัตย์ จึงต้องเข้าไปเติมเต็มทั้งในฐานะ ส.ก. และในฐานะ ส.ข. ด้วย เพื่อให้พี่น้องชาวกรุงเทพฯ อุ่นใจและความมั่นใจ

“การเลือกตั้งในกรุงเทพฯเที่ยวนี้ เราจะได้รับโอกาสจากพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ด้วยทีมงานคุณภาพ ด้วยนโยบายวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ที่พร้อมที่จะลงมือ ทำได้ไวและทำได้จริง ปรากฏผลเป็นรูปธรรมต่อไป และที่สำคัญก็คือทั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม ทีมงานสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เราไม่ยืนโดดเดี่ยว เพราะเราไม่ลงสมัครอิสระ แต่เราลงสมัครรับเลือกตั้งสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นสถาบันการเมืองที่ยั่งยืนที่สุดของประเทศ สิ่งนี้คือความมั่นใจที่เราสามารถให้กับคนกรุงเทพฯได้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่แค่รับผิดชอบต่อผู้สมัครผู้ว่าฯ รับผิดชอบต่อผู้สมัคร ส.ก. แต่ถ้าเขาไปปฏิบัติภารกิจที่ไม่ถูกต้อง ประชาธิปัตย์ก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เขาทำด้วย และนั่นแปลว่าไม่เพียงแต่ท่านที่ต้องรับผิดชอบต่อชาติกรุงเทพฯ เหมือนผู้สมัครอิสระทั่วไป แต่ยังมีสถาบันการเมืองที่ยั่งยืนที่สุดของประเทศร่วมรับผิดชอบด้วย” หัวหน้าพรรคกล่าว

พร้อมกับได้ขออวยพรให้ผู้สมัครทุกคนประสบความสำเร็จและได้รับเลือกตั้งกลับมานำชัยชนะมาสู่พรรคประชาธิปัตย์และพี่น้องชาวกรุงเทพฯทุกคน

งานสัมมนาวันนี้ ยังมีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. สังกัดพรรค นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ดูแล กทม. นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค ร่วมเป็นผู้บรรยายพิเศษ นอกจากนี้ยังมี ปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรค และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรค นายแทนคุณ จิตต์อิสระ และแกนนำพรรคอีกหลายคน นอกเหนือจากผู้สมัคร ส.ก. และผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. ประจำเขต เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง

นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคฯ จะเป็นผู้ประสาน ซึ่ง นายอภิสิทธิ์ สนับสนุนพรรค และยังเป็นสมาชิกพรรค แต่ไม่ใช่ว่าจะมาเป็น ผู้อำนวยการการเลือกตั้งให้พรรค

ภาพจาก : พรรคประชาธิปัตย์