นายกฯ แถลงหลังประชุม ครม. เห็นชอบออก 10 มาตรการ ช่วยประชาชนช่วงราคาพลังงานสูงขึ้น สินค้าอุปโภคบริโภคปรับราคา เน้นไปที่กลุ่มคนถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วินมอเตอร์ไซค์ รถแท็กซี่ ผู้ประกันตน
วันที่ 22 มี.ค. 2565 เวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และร มว.กลาโหม กล่าวว่า จากสถานการณ์ความผันผวนของราคาพลังงาน ที่สืบเนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและการขนส่งสินค้าและบริการต่างๆ ทำให้ค่าครองชีพมีการปรับตัวสูงขึ้น ผมและรัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และตระหนักดีถึงความลำบากของพี่น้องประชาชนที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่มีรายได้น้อย และผู้ใช้แรงงาน
จากการประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ข้อสรุปว่าสถานการณ์ระหว่างยูเครน-รัสเซีย อาจจะไม่จบลงโดยเร็ว ผมจึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระดมความคิดเพื่อหามาตรการช่วยเหลือ พี่น้องประชาชนโดยเร่งด่วน เพิ่มเติมจากมาตรการต่างๆ ที่รัฐได้ออกไปแล้วและยังใช้อยู่ในขณะนี้ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนกรกฎาคมนี้ อย่างน้อย 10 มาตรการ ดังนี้
1. การเพิ่มเงินช่วยเหลือเพื่อซื้อก๊าซหุงต้มสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3.6 ล้านคน โดยเพิ่มเงินจากเดิม 45 บาท เป็น 100 บาท/เดือน
2. ส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้ม เดือนละ 100 บาท สำหรับผู้ค่าหาบเร่แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนประมาณ 5,500 คน
3. ช่วยเหลือค่าน้ำมันให้กับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมการขนส่งทางบก จำนวน 157,000 คน โดยช่วยลดค่าใช้จ่ายน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 250 บาทต่อเดือน และขอให้กรมการขนส่งทางบกกำกับราคาการให้บริการเพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ต้องใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางเท่าเดิม
4. คงราคาขายปลีกผู้ที่ใช้ก๊าซ NGV ไว้ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม
5. ผู้ขับขี่แท๊กซี่มิเตอร์ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน สามารถซื้อก๊าซได้ในราคา 13.62 บาท/กิโลกรัม
6. ช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน โดยลดค่า Ft ลง 22 สตางค์ต่อหน่วยในช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม
7. ตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2565 หลังจากนั้น รัฐบาลจะเข้าไปช่วยเหลือส่วนที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นครึ่งนึง
8. กำกับดูแลการปรับราคาก๊าซหุงต้มในช่วงตั้งแต่เดือนเมษายน – มิถุนายน โดยใช้กองทุนน้ำมันเข้าไปช่วยลดผลกระทบจากการปรับราคาให้ไม่ขึ้นสูงเกินไป
9. ลดอัตราเงินสบทบของนายจ้างและลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 จาก 5% เหลือ 1% เพื่อให้ลูกจ้างและนายจ้างสามารถมีกำลังในการใช้จ่ายและผู้ประกอบการสามารถมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นในการดำเนินธุรกิจในช่วงถัดไป
10. ลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 39 จาก 9% เหลือ 1.9% และลดอัตราเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 40 ลงเหลือ 42 – 180 บาทต่อเดือน
นอกจากนี้ ตนยังได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรให้ได้มากที่สุด ก่อนจะเข้าสู่ฤดูการเพาะปลูก โดยเน้นการใช้วัตถุดิบในประเทศ และให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับประเทศต่างๆในการจัดหาปัจจัยการผลิตที่จำเป็นเข้าประเทศด้วย
ต่อจากนี้ไป กระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จะเร่งดำเนินการออกมาตรการทั้งหมดที่กล่าวมา ทั้งนี้ต้องให้เป็นไปตามข้อกฏหมาย และข้อบังคับต่างๆ รวมทั้งนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและอนุมัติเป็นการเร่งด่วน
ขอย้ำว่า รัฐบาล ทุกกระทรวง และทุกหน่วยงาน กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อวางแผนช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทุกคนให้ได้มากที่สุด ให้พ้นวิกฤตซ้อนวิกฤตนี้ไปให้ได้ โดยไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และเร่งเดินหน้าตามแผนฟื้นฟูประเทศที่ได้วางไว้ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ทั้งเรื่องโอกาสการค้าการลงทุนกับต่างประเทศ การเปิดประเทศและการท่องเที่ยวในระยะต่อไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างอาชีพและรายได้ รวมไปถึงการช่วยลดภาระ แบ่งเบาค่าครองชีพด้วยมาตรการต่างๆ และแก้ปัญหาหนี้สินให้พี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่ออีกว่า สำคัญที่สุดคือปัญหารายได้ประเทศของเรา ซึ่งอยู่ในห้วงที่เราได้เริ่มดำเนินการลงทุนมาโดยตลอด หลายปีมาแล้วที่มี โครงการ EEC โครงการอุตสาหกรรมใหม่ โครงการรถไฟฟ้า โครงการลงทุนต่างๆ เกิดขึ้น
แต่อยู่ในช่วงดำเนินการ คิดว่า ถ้าผ่านพ้นช่วงนี้ไป เราน่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น รัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังเพียงใช้เงินอย่างเดียว ซึ่งตนได้ทำเรื่องเหล่านี้มาโดยตลอด ฝากทำความเข้าใจด้วยว่า เศรษฐกิจไทยในวันข้างหน้าจะเดินหน้าได้อย่างไร
แล้วประชาชนยังเดือดร้อนอยู่มาก วันนี้ที่หารือกันมากคือการแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชน ที่ยังมีข้อติดค้างกฎหมายต่างๆ มากมาย ปัญหาหลักคือรายได้ คำว่าเหลือมล้ำคือฐานของแต่ละครอบครัว แต่ละอาชีพต่างกัน ซึ่งจะต้องทำอย่างไรให้แต่ละกลุ่มมีรายได้เพียงพอ ในดูแลครอบครัวได้ตามสมควร ตามอัตภาพที่มีอยู่
ส่วนการที่จะยกขึ้นมาเป็นคนมีฐานะดี อีกขั้นตอนหนึ่ง วันนี้เห็นมีคนรวยขึ้นมาเยอะ จากเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งพวกนี้ต้องระวังอีกเหมือนกัน รัฐบาลพยายามสนับสนุนเรื่องนี้ แต่ต้องมีมาตรการเพื่อจะป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นระยะยาวด้วย ใครที่สนใจขอให้ไปศึกษา ไม่ว่าการใช้สกุลเงิน บรอดแบนด์ เป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทยก็ขอให้ระมัดระวังอย่างที่สุด วันนี้ที่อยากเน้นคือการสร้างการรับรู้กับประชาชนอย่าถูกหลอกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่าไปรับ ถ้าจริงเจ้าหน้าที่ต้องมาหาเอง ไม่ใช่โทรมาเคลียร์ค่าเสียหาย ขอบันทึกหลักฐานเข้าแจ้งความ ต้องกวาดล้างให้หมด ทุจริตทางออนไลน์แบบนี้
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวในช่วงท้ายก่อนจบการแถลงข่าวด้วยว่า “ใกล้สงกรานต์แล้ว จะก็ทำอย่างไรบ้านเมืองจะดีขึ้น สงบสุขขึ้น ก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็อยู่ที่คนไทยทุกคนต้องช่วยกัน อะไรที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญก็อย่าเพิ่งเอามาทะเลาะกันตอนนี้เลย ผมก็เต็มที่แล้วล่ะ พยายามทำให้เต็มที่”
ภาพจาก : ทำเนียบรัฐบาล
