ยูนิเซฟร่วมกับรบ.ญี่ปุ่น ส่องมอบถังเก็บวัคซีนแบบพกพาให้รบ.ไทย กระจายการเข้าถึงในพื้นที่ห่างไกล

ยูนิเซฟร่วมกับรัฐบาลญี่ปุ่น ส่องมอบอุปกรณ์เก็บวัคซีนแบบพกพาให้รบ.ไทย เพื่อกระจายการเข้าถึงวัคซีนในพื้นที่ห่างไกล

วันที่ 21 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าว workpointTODAY รายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่น ร่วมกับองค์การยูนิเซฟส่งมอบอุปกรณ์เก็บวัคซีนแบบพกพาให้กระทรวงสาธารณสุข โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรับมอบที่ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร อาคาร1 ชั้น 2 ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี

อุปกรณ์ที่ส่งมอบประกอบด้วยหีบเย็น 1,720 ชิ้น กระติดวัคซีน 1,000 ชิ้น อุปกรณ์วัดและบันทึกอุณภูมิต่อเนื่อง 1,000 ชิ้น ซึ่งเป็นอุปกรณ์คุณภาพสูง ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทำให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์สามารถหอบหิ้ววัคซีนที่จำเป็นต้องได้รับการควบคุมอุณหภูมิไปยังพื้นที่ห่างไกลต่าง ๆ ได้ เช่น จังหวัดแม่ฮ่องสอน ปัตตานี ยะลา นราธิวาส เป็นต้น 

หลังจากนี้ยังมีแผนจะส่งมอบตู้เย็นประเภท Ice-Lined จำนวน 230 ตู้ และตู้เย็นแช่แข็งสำหรับจัดเก็บเวชภัณฑ์อีกจำนวน 50 ตู้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายวัคซีนให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างถ้วนหน้า

การส่งมอบครั้งนี้ทำภายใต้โครงการ Last One Mile Support ที่ตั้งเป้าสนับสนุนรัฐบาลไทยในการรับมือการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยมุ่งเน้นให้เข้าถึงประชากรกลุ่มเปราะบางอย่างทั่วถึง จึงออกมาในรูปแบบความช่วยเหลือเรื่องอุปกรณ์ระบบลูกโซ่ความเย็นที่จะใช้เพื่อจัดส่งวัคซีนไปยังโรงพยาบาลต่าง ๆ และหน่วยงานสาธารณสุขทั่วประเทศ โดยที่ผ่านมารัฐบาลญี่ปุ่นเคยสนับสนุนประเทศไทยมาแล้วในหลากหลายโครงการ เช่น เมื่อปี 2564 รัฐบาลญี่ปุ่นได้บริจาควัคซีน 2.05 ล้านโดสและเครื่องผลิตออกซิเจนจำนวน 868 เครื่อง 

ระหว่างพิธีมอบ นายคาซึยะ นาชิดะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประเจำประเทศไทย กล่าวว่า “ในฐานะคู่คิดด้านยุทธศาสตร์ของไทยและมิตรสหาย ญี่ปุ่นให้การสนับสนุนประเทศไทยในการต่อสู้กับโควิด-19 อย่างเต็มที” โดยแสดงความขอบคุณทั้งองค์การยูนิเซฟและกระทรวงสาธารณสุขที่ร่วมมือกันทำให้โครงการนี้สำเร็จได้ โดยจะต้องไม่ลืมความทุ่มเทของผู้ทำงานด่านหน้าที่ทำงานอย่างทุ่มเทด้วย 

ส่วนคิมคยองซัน ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ณ  ขณะนี้จำนวนวัคซีนมีเพิ่มมากขึ้น ทำให้ความต้องการระบบลูกโซ่ความเย็นก็ขยายตัวขึ้น จำเป็นต้องมีระบบสาธารณูปโภคเรื่องการกระจายการสร้างภูมิที่ดีเพื่อให้มั่นใจได้ว่าการขนส่งวัคซีนจะเป็นไปอย่างยั่งยืน 

คิมคยองซัน เปิดเผยกับ workpointTODAY ว่าอุปกรณ์เหล่านี้ไม่ได้ช่วยได้แค่กับเรื่องโควิด-19 แต่สามารถใช้ในการเก็บรักษาพกพาวัคซีนอื่นๆ ได้ด้วย ทำให้การเข้าถึงวัคซีนของเด็กในการป้องกันโรคอื่น ๆ จะเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นจากที่เคยชะงักไปในช่วงนี้ แค่มีอุปกรณ์ห่วงโซ่เย็นนี้ก็จะพกพาวัคซีนต่าง ๆ ไปในพื้นที่ห่างไกลได้ให้ไม่ต้องรอให้เขาไปยังสถานพยาบาลเอง และไม่สามารถประเมินได้ว่าจะสร้างประโยชน์ให้เด็กได้มากเท่าไหร่ เนื่องจากอุปกรณ์นี้จะสามารถใช้ได้อย่างยาวนานและซ้ำกันหลายครั้ง แม้หมดสถานการณ์โควิด-19 ก็สามารถใช้ต่อเนื่องกับวัคซีนชนิดอื่น ๆ ได้ เชื่อว่าจะสร้างประโยชน์ให้เด็กไทยจำนวนมาก

ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขอแสดงความขอบคุณทั้งรัฐบาลญี่ปุ่น และองค์การยูนิเซฟ โดยของที่ได้รับมอบมานี้จะส่งไปที่หน่วยปฏิบัติการทางสุขภาพทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลและตามแนวชายแดน และไทยจะมองหาความร่วมมือกันเพื่อต่อต้านโควิด-19 ต่อไปหลังความร่วมมือครั้งนี้