สรุปมติครม. 5 เม.ย. 65 เคาะแผนโครงการผลิตแพทย์เพิ่มเติม 5 ปี งบกว่า 5.06 หมื่นล้านบาท

สรุป มติครม. 5 เม.ย. 65 เคาะแผนโครงการผลิตแพทย์เพิ่มเติม 5 ปี งบ  50,608.40 ล้านบาท

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย น.ส.รัชดา ธนาดิเรก และ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายรัฐมนตรี เปิดเผยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่สำคัญ โดย นายธนกร ได้เริ่มต้นที่คำปรารถของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในที่ประชุมครม. ดังนี้

– นายกฯ รายงานลงพื้นที่คลองโอ่งอ่าง ในวันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา ติดตามความเป็นอยู่ของประชาชน ยืนยันไม่ใช่การหาเสียง

– เร่งแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร ลดผลกระทบทุกกลุ่ม กำชับทุกกระทรวงร่วมหาข้อยุติ แม้ราคาสินค้าบางอย่างเพิ่มสูงขึ้น สั่งให้กระทรวงการต่างประเทศ ลดขั้นตอนการส่งผลไม้ไปจีน ส่วนเรื่องราคาปุ๋ยและอาหารสัตว์ ราคาและปริมาณ ต้องไม่ขาดตลาด ไม่อนุญาตปรับราคาสินค้าควบคุม 18 หมวด

– เทศกาลสงกรานต์ 2565 เน้นสวมหน้ากาก, ตรวจ ATK, ฉีดวัคซีน และคาดว่าหลังสงกรานต์อาจมีผู้ติดเชื้อสูงขึ้น

– สถานการณ์ชายแดนใต้ สั่งบูรณาการทำงานร่วมกัน

– ข่าวลือเฟคนิวส์ ขอทุกหน่วยงานชี้แจง และมีข้อตอบโต้ให้ทันสถานการณ์

มติครม. เคาะแผนผลิตแพทย์ 5 ปี แก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากร

– เห็นชอบโครงการผลิตแพทย์เพิ่ม ระยะที่ 2 ตั้งแต่ปี 2565-2570 ภายใต้กรอบงบประมาณ 50,608.40 ล้านบาท เพื่อผลิตแพทย์จำนวน 13,318 คน เน้นพัฒนาหลักสูตรโดยใช้ชุมชนเป็นฐานผลิต ตั้งเป้าหมายอัตราแพทย์ต่อประชากรภาพรวม 1 : 1,200 คน ภายในปี 2576 โดยงบ 50,608.40 ล้านบาท แบ่งออกเป็น

– งบดำเนินการในการผลิต 300,000 บาทต่อคนต่อปี หรือ 1.8 ล้านบาทต่อคน รวม 23,972.40 ล้านบาท

– งบลงทุนเพื่อสนับสนุน โครงสร้างพื้นฐานการจัดการเรียนการสอนทางด้านการแพทย์ ในอัตรา 2,000,000 บาทต่อคน รวม 26,636 ล้านบาท เน้นการรับนักศึกษา 3 กลุ่ม ได้แก้

1. ลดความเหลื่อมล้ำ รับนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาชั้น ม.6 ในพื้นที่ชายขอบ พื้นที่ขาดแคลน หรือนักเรียนที่มีภูมิลำเนาที่ไม่อยู่เขตอำเภอ

2. กลุ่มสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี ข้าราชการ สังกัดปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี สายวิทยาศาสตร์ สุขภาพ

3 กลุ่มแพทย์เพื่อชุมชน เป็นนักเรียนที่สำเร็จการศึกษา ม.6 จากหลักเกณฑ์การรับเดิมของโครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท

เป็นการดำเนินการอย่างต่อเนื่องจากโครงการผลิตแพทย์เพิ่มระยะที่ 1 ตามมติครม. เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2562 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการแก้ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ และการกระจายแพทย์

ตลอดจน ขยายศักยภาพการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ส่งเสริมไทยเป็น “เมดิคัลฮับ” เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและหารายได้ให้กับประเทศ

เห็นชอบลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม 3 เดือน

– อนุมัติร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม ช่วยลดภาระค่าครองชีพ และต้นทุนการผลิต โดยการลดอัตราเงินสมทบที่นายจ้างและลูกจ้าง ผู้ประกันตน จ่ายเข้ากองทุนประกันสังคม 3 เดือน ตั้งแต่เดือน พ.ค. – ก.ค. 2565

กรณี นายจ้าง และลูกจ้าง ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน เหลือฝ่ายละ ร้อยละ 1 จากเดิมร้อยละ 5

กรณี ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 จากเดิมร้อยละ 9 เหลือร้อยละ 1.9 หรือจ่ายเงินเข้ากองทุนเหลือเดือนละ 91 บาท

การลดเงินสมทบของ 2 มาตรา ใน 3 งวดนี้จะส่งผลให้กองทุนประกันสังคมจัดเก็บเงินสมทบลดลงเหลือประมาณ 34,023 ล้านบาท แบ่งเป็น ผู้ประกันตน จ่ายเงินสมทบลดลง เหลือเป็นเงิน 18,085 ล้านบาท และนายจ้างจ่ายเงินสมทบลดลงเป็นเงิน 15,938 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ประกันตน สามารถนำเงินส่วนนี้ไปใช้จ่ายเสริมสภาพคล่องประมาณ 1,000-1,800 บาทต่อคน ขณะที่นายจ้างก็มีสภาพคล่องขึ้นด้วย

ขยายมาตรการทางภาษีส่งเสริมให้หน่วยงานใช้พลาสติกย่อยสลายได้ 

– เห็นชอบขยายมาตรการทางภาษีเงินได้นิติบุคคล ให้แก่บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้เป็นจำนวน ร้อยละ 25 ของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อสลายได้ทางชีวภาพจากผู้ผลิตที่ทางการได้กำหนด
และได้รับการรับรองผลิตภัณฑ์จากสำนักงานเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ให้ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2567 ซึ่งจะทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ช่วงปี 2565-2567 ประมาณปีละ 673 ล้านบาท ส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลาง “ไบโอฮับอาเซียน”

แก้กฎหมายเพิ่มอำนาจ การไฟฟ้านครหลวง 

– เห็นชอบแก้ไข พ.ร.บ.การไฟฟ้านครหลวง พ.ศ. 2501 สาระสำคัญคือให้ “การไฟฟ้านครหลวง” มีอำนาจผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ ณ จุดใช้งานของผู้ใช้ไฟฟ้า หรือระบบไฟฟ้า ณ บริเวณพื้นที่เฉพาะเจาะจง เช่น พลังงานหมุนเวียน หรือพลังงานทดแทน ให้มีอำนาจจัดส่งและประกอบกิจการระบบจำหน่ายไฟฟ้าได้ เพิ่มเติมให้ “การไฟฟ้านครหลวง” มีอำนาจดำเนินการตามวัตถุประสงค์ได้ทั้งในประเทศและนอกประเทศ
แก้ไขวงเงินการกู้ยืมเงิน จากเดิมต้องได้รับความเห็นชอบจากครม. ก่อนกู้ยืมเงินเพื่อลงทุน คราวละ 40 ล้านบาท ปรับเป็นเกินคราวละ 100 ล้านบาท

เปิดจุดผ่านแดนชั่วคราวเพื่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 

– รับทราบการเปิดจุดผ่านแดนชั่วคราว บริเวณบ้านดอนยง ต.ไคสี อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ กับ บ้านกล้วยอุดม เมืองปากซัน แขวงบอลิคำไซ สปป. ลาว เพื่อก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 ที่เชื่อมต่อ จ.บึงกาฬ ประเทศไทย กับ บริคำไซ ประเทศลาว เพื่อเคลื่อนย้ายบุคลากร ยานพาหนะ เครื่องจักร โดยขณะนี้กรมทางหลวงได้จ้างบริษัทวิศวะที่ปรึกษาควบคุมงานและบริษัทก่อสร้างได้ลงนามเรียบร้อยแล้ว ครม. ยังมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำเงื่อนไขข้อกำหนดการควบคุมดูแลไม่ให้กระทบความมั่นคงและเศรษฐกิจ เมื่อก่อสร้างเสร็จให้ปิดด่านชั่วคราวนี้ทันที สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 จะอำนวยความสะดวกขนส่งสินค้า รองรับปริมาณการท่องเที่ยว

อนุมัติงบกว่า 3,000 ล้านบาท สร้างอ่างเก็บน้ำคลองโพล้ ระยอง

– อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำคลองโพล้ จ.ระยอง ระยะแผนงาน 4 ปี ตั้งแต่ปี 2565 – 2568 กรอบวงเงินงบประมาณ 3,561 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้ง เก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนได้ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นโครงการอยู่ภายใต้การจัดการน้ำของอีอีซี

ภาพจาก : ทำเนียบรัฐบาล