SHARE

คัดลอกแล้ว

แพทย์จุฬาฯ วิเคราะห์หากไทยยกเลิกตรวจโควิด-19 ผู้เดินทางเข้าไทยด้วยวิธี RT-PCR เปลี่ยนเป็นการตรวจ ATK  และลดจำนวนวันกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จะเกิดความเสี่ยงต่อการนำเข้าสายพันธุ์ใหม่ ถ้าระบบคัดกรองไม่รัดกุม อาจนำไปสู่การระบาดในประเทศที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม 

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

วันที่ 21 เม.ย. 2565 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความคิดเห็นเกี่ยวสถานการณ์โควิด-19 ที่ประเทศไทยกำลังจะผลักดันให้เป็นโรคประจำถิ่น และลดมาตรการคุมเข้มผู้เดินทางเข้าไทย พร้อมวิเคราะห์ความเป็นเหตุเป็นผลของถ้อยคำที่จะเสนอให้ ศบค.ชุดใหญ่ผ่อนคลายมาตรการ โดยระบุว่า

“…พยายามจะทำทุกสิ่งเพื่อผ่อนคลายมาตรการให้ประชาชนมีความสะดวกที่สุด บนพื้นฐานของความปลอดภัยมากที่สุด โดยจะเสนอเรื่องของการปรับการตรวจหาเชื้อในผู้เดินทางเข้าประเทศไทย จากที่เคยกำหนดให้ตรวจ RT-PCR ปรับมาเป็นการตรวจด้วย ATK ส่วนเสนอเรื่องการลดวันกักตัวกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงให้ลดน้อยลงนั้น เห็นว่า การกักตัวกลุ่มเสี่ยงสูง 5-7 วันก็น่าจะมีเหตุผลเพียงพอ…”

1. สะดวกที่สุด ปลอดภัยมากที่สุด

ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะด้วยความรู้วิชาการปัจจุบัน ความปลอดภัยกับความสะดวกนั้นแปรผกผันกันในยุคโรคระบาด ยิ่งเสรีการใช้ชีวิต ความเสี่ยงจากพฤติกรรม กิจกรรม สถานที่ และสภาพแวดล้อมยิ่งสูงขึ้น

2. ปรับการตรวจหาเชื้อในผู้เดินทางเข้าประเทศไทย จากที่เคยกำหนดให้ตรวจ RT-PCR ก็จะปรับมาเป็นการตรวจด้วย ATK

ด้วยความรู้ทางการแพทย์ที่มี ชัดเจนว่า วิธีมาตรฐานอย่าง RT-PCR มีความแม่นยำสูงกว่า ATK ดังนั้น การเปลี่ยนมาใช้แค่ ATK โอกาสพลาดย่อมมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดผลลบปลอม คือ ติดเชื้อแต่ตรวจได้ผลลบ

การอ้างว่า “ในประเทศติดเชื้อมากอยู่แล้ว ดังนั้นเอาเข้ามาจากต่างประเทศยังไงก็จำนวนน้อยกว่านั้น” เป็นข้ออ้างแบบข้างๆ คูๆ เพราะโดยแท้จริงนั้น ความเสี่ยงต่อการนำเข้าสายพันธุ์ใหม่ก็ย่อมมีมากขึ้น หากระบบการตรวจคัดกรองไม่รัดกุม และสายพันธุ์ใหม่เหล่านั้นอาจนำไปสู่การระบาดในประเทศที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม ดังที่เรามีประสบการณ์ตั้งแต่ระลอกสายพันธุ์ G, อัลฟ่า เดลตา และโอไมครอน

3. เสนอเรื่องการลดวันกักตัวกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงให้ลดน้อยลงนั้น เห็นว่าการกักตัวกลุ่มเสี่ยงสูง 5-7 วันก็น่าจะมีเหตุผลเพียงพอ

เอาเหตุผลมาเล่าให้ทุกคนในสังคมฟังสิครับว่าอะไรคือเหตุผล หลักฐานวิชาการแพทย์นั้นชัดเจนว่า ยิ่งลดวันกักตัวลง ความเสี่ยงยิ่งสูงขึ้นตามลำดับ จะเห็นได้ว่าย้อนแย้งกันอย่างที่สุด
ทั้งเรื่องวิธีการตรวจที่แม่นยำน้อยลง โอกาสหลุดมากขึ้น และจำนวนวันกักตัวที่ลดลง โอกาสหลุดมากขึ้น ย่อมทำให้เกิดความสะดวกของคนเดินทาง แต่ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดนั้น ทุกคนในสังคมกลับต้องแบกรับความเสี่ยงไว้

สะดวกที่สุด กับปลอดภัยมากที่สุด จึงเป็นวลีที่ไม่เป็นจริง

และเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์อีกชิ้นที่สะท้อนให้เห็นผลลัพธ์การจัดการโรคระบาดตลอดสองปีที่ผ่านมา

ขอร้องเถิด หากคุมการระบาดให้ดี เศรษฐกิจจะไปต่อได้ยาวๆ ไม่ล้มลุกคลุกคลาน และไม่สูญเสียมากมายระหว่างทาง …ก้าวเดินช้าๆ อย่างมั่นคง ดีกว่ารีบจ้ำแล้วลื่นหัวคะมำบาดเจ็บสาหัส

https://www.facebook.com/thiraw/posts/10224198772109487

  • โรคประจำถิ่น ไม่ใช่คำที่ควรใช้ทำแคมเปญ

 นอกจากนี้ รศ.นพ.ธีระ ยังระบุด้วยว่า โรคประจำถิ่น ไม่ใช่คำที่ควรใช้ทำแคมเปญให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าเป็นโรคธรรมดา ไม่น่ากลัว ไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป

 โรคประจำถิ่นนั้นโดยแท้จริงแล้วหมายถึงโรคที่ถูกระบุว่า พบได้บ่อยหากใครจะเดินทางไปยังพื้นที่นั้น ดินแดนนั้น ประเทศนั้น

โรคประจำถิ่นนั้น จะถูกใช้เมื่อเจอโรคนั้นอย่างเป็นประจำในถิ่นนั้น โดยรู้ว่ามีอัตราการติดเชื้อเพียงใดในลักษณะที่คงที่ โดยอาจมากขึ้นน้อยลงตามฤดูกาลได้ และสามารถคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของเชื้อโรคได้ดีในระดับหนึ่งเพื่อวางแผนจัดการรับมือ มิให้เกิดการระบาดจนเกินควบคุม

 การจะจัดการโรคประจำถิ่นได้ดีนั้นยังจำเป็นต้องมีเรื่องยาที่ใช้ในการรักษาและวัคซีนที่ใช้ในการป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ได้พึ่งพายาผีบอก พืชผักสมุนไพรที่คิดเอาเองว่าได้ผลโดยไม่ได้รับการพิสูจน์ตามขั้นตอนมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับที่สำคัญที่สุดคือ

 – โรคประจำถิ่นนั้นไม่ได้แปลว่า”ไม่อันตราย”

– โรคประจำถิ่นนั้นไม่ได้แปลว่า”อ่อน กระจอก ธรรมดา ไม่รุนแรง”

 รศ.นพ.ธีระ ระบุว่า หลายโรคที่เป็นโรคประจำถิ่นในบางทวีป บางประเทศ เช่น ไข้เหลือง อีโบล่า ฯลฯ ที่พบมากในแอฟริกา ก็ทำให้เกิดการติดเชื้อ โดยยังมีอัตราการเสียชีวิตสูงได้เช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่โรคที่เราคุ้นเคยกันเช่น วัณโรค มาลาเรีย ก็พบว่าเป็นโรคประจำถิ่นในพื้นที่ต่างๆ ในประเทศไทย แต่ก็เป็นโรคที่เป็นแล้วรุนแรง เสียชีวิตได้

 

ดังนั้น หากทำความเข้าใจเรื่องโรคประจำถิ่น และติดตามความเป็นไปของการประชาสัมพันธ์ตามข่าวและเครือข่ายสังคมตลอดช่วงที่ผ่านมาจะพบว่าน่าเป็นห่วง เพราะมีแนวโน้มความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่าโควิด-19 จะกลายเป็นหวัดธรรมดา กระจอก ประจำถิ่น โดยไม่ต้องกังวลหรือป้องกันตัว

 

ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ระบาดในไทยเป็นไปอย่างรุนแรง ยาวนานต่อเนื่อง กระจายทั่ว หากบอกตรงๆ ว่า บัดนี้เป็น”แดนดงโรค”ของโควิด-19 ก็คงปฏิเสธไม่ได้แล้ว เพราะสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า ในภาพรวมเรามีจำนวนการติดเชื้อมาก และมากกว่าประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลก ดังนั้นคนที่จะเดินทางมา ก็ย่อมตระหนักดีว่ากำลังเข้าสู่พื้นที่ที่มีโอกาสติดเชื้อสูง

 

คำว่า “โรคประจำถิ่น” จึงไม่มีความหมายสำคัญไปกว่าที่อธิบายมาข้างต้น สิ่งที่ควรให้ความสำคัญคือ ทำอย่างไรให้การระบาดบรรเทาเบาบางลงกว่าที่เป็นมา การป้องกันการแพร่เชื้อติดเชื้อ คือคำตอบสุดท้ายที่จะไขปัญหานี้ได้ มิใช่การพึ่งวัคซีน เพราะวัคซีนนั้นหวังผลในแง่การลดความเสี่ยงการป่วยรุนแรง และการเสียชีวิต

 

การคิดและผลักดันนโยบายและมาตรการต่างๆ ในทุกมิติของสังคม เพื่อทำให้คนป้องกันตัว ไม่ให้ติดเชื้อหรือแพร่เชื้อ ให้มีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นมาคือสิ่งที่จำเป็น ไม่ควรมุ่งแต่คลายล็อกเพื่อหวังผลเชิงเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยสถานการณ์ระบาดรุนแรง คุมไม่ได้ และจะกลับมาเป็นวังวนทำให้ทุกคนในสังคมต้องตกอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่มีความเสี่ยงโดยหาทางออกไม่เจอ

https://www.facebook.com/thiraw/posts/10224198554704052

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า