สิ้นสุดการรอคอยที่ยาวนานกว่า 4 ปี สำหรับคดีผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานีห้ามนักเรียนมุสลิมไม่ให้คลุมฮิญาบไปเรียน ล่าสุดศาลปกครองยะลาพิพากษาให้โรงเรียนอนุบาลปัตตานียกเลิกกฎระเบียบที่ขัดกับกฎกระทรวง ให้นักเรียนคลุมฮิญาบไปเรียนได้
คดีนี้สืบเนื่องมาจากผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานีในขณะนั้นออกคำสั่งห้ามนักเรียน สวมใส่ผ้าคลุมผม (ฮิญาบ) ไปโรงเรียนตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 2561 ต่อมาวันที่ 18 พ.ค. 2561 ผู้ปกครองประมาณ 50 คนได้รวมตัวกันเพื่อให้กำลังใจกับนางพารีด๊ะห์ อัลมุมีนี, นางกดาเรีย เหมมินทร์ และนายวันอิดริบ หะยีเต๊ะ ผู้ปกครองของนักเรียน ซึ่งถูกเชิญให้ไปที่โรงเรียนเพื่อรับทราบถึงระเบียบกฎข้อห้ามของโรงเรียนเนื่องจากลูกสาวผู้ปกครองทั้งสามได้สวมฮิญาบไปเรียนเรียนซึ่งโรงเรียนซึ่งตั้งอยู่บนที่ธรณีสงฆ์ของวัดนพวงศาราม
คดีการคลุมฮิญาบของนักเรียนโรงเรียนอนุบาลปัตตานี เป็นข้อพิพาทระหว่างผู้ปกครองกับผู้บริหารและครูในโรงเรียน จนมีการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเป็นปัญหายืดเยื้อมานาน โดยทางโรงเรียนไม่อนุญาตให้นักเรียนแต่งกายตามหลักศาสนาได้ ต้องแต่งเครื่องแบบตามระเบียบของโรงเรียนเท่านั้น อ้างว่าโรงเรียนตั้งมา 50 ปี ไม่เคยมีปัญหา และทั้งนักเรียนและผู้ปกครองก็ทราบกฎเหล็กข้อนี้ดีตั้งแต่ก่อนสอบเข้าเรียน จึงต้องยอมรับ
เมื่อปรากฏว่านักเรียนยังแต่งกายตามหลักศาสนาคลุมฮิญาบไปเรียนต่อตามระเบียบของกฎกระทรวงศึกษาธิการ แต่ผู้บริหารโรงเรียน ระบุว่า ผิดกฎระเบียบและมีการหักคะแนน
ขณะนั้นผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานี ได้ใช้อำนาจตัดคะแนนเด็กนักเรียนมุสลิมที่คลุมฮิญาบ ซึ่งผิดกับระเบียบของกฎกระทรวงศึกษาธิการฉบับใหม่ หรือฉบับกรณีสงฆ์เข้ามาเรียนตามปกติ จึงทำให้ผู้ปกครองของเด็กนักเรียน 20 คน รวมตัวลงนามยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมคุ้มครองชั่วคราวต่อศาลปกครองจังหวัดสงขลา เพื่อให้ศาลปกครองคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของเด็กตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ ในการปฏิบัติตามหลักศาสนาอิสลาม
ศาลปกครองสงขลา จึงมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวนักเรียนโรงเรียนอนุบาลปัตตานี วัดนพวงศาราม ออกมาแล้ว และห้ามลงโทษเด็กนักเรียนจากกรณีนี้ทันที โดยศาลมีคำสั่งเมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2561 ให้ทุเลาการบังคับตามระเบียบโรงเรียนอนุบาลปัตตานี วัดนพวงศาราม ว่าด้วยการควบคุมและดูแลความประพฤติ การลงโทษ และการตัดคะแนนความประพฤติของนักเรียน พ.ศ.2561 ที่ให้แต่งเครื่องแบบนักเรียนตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561
ข้อ 3 เฉพาะที่เกี่ยวกับผู้ฟ้องคดีทั้ง 20 คน ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาเป็นอย่างอื่น ซึ่งได้สร้างความดีใจให้แก่เด็กนักเรียน และผู้ปกครองเป็นอย่างมาก
หลังได้รับความคุ้มครองและความเป็นธรรมจากศาลปกครองในครั้งนั้น และโอนมาอยู่ในความรับผิดชอบของศาลปกครองยะลา ศาลพิจารณาคดีนี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2565
และนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ (21 เม.ย. 2565) โดยศาลตัดสินให้ผู้ฟ้องคดีเด็กหญิงวันอัยซาห์ เหมมินทร์ โดยนายอรุณ เหมมินทร์กับพวกรวม 20 คน ชนะกระทรวงศึกษาธิการที่ 1 กับพวกรวม 2 คน
ผู้ปกครองเด็กรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ขอบคุณพระเจ้า พวกเรารู้สึกยินดีมากๆ ที่ได้ฟังศาลปกครองจังหวัดยะลาออกมาพิจารณา และได้ตัดสินคำพิพากษาคดีจบลงในวันนี้ จากที่เรารอคอยกันมานาน หลังจากทางเราได้ยื่นคำร้องออกไปครั้งนั้นตั้งแต่ปี 2561 ที่ศาลปกครองจังหวัดสงขลาจนถึงวันนี้เป็นเวลา 4 ปีแล้ว ซึ่งครั้งแรกศาลปกครองจังหวัดสงขลาได้ออกมาพิจารณาให้คุ้มครอง ต่อกรณีของเด็กนักเรียนหญิงให้สามารถแต่งกายสวมผ้าคลุมศีรษะหรือฮิญาบและสำหรับนักเรียนชายให้สวมกางเกงขายาวทั้งหมด 20 รายเอาไว้ก่อน ตามกฎของกระทรวงศึกษาธิการ ต่อมาทางโรงเรียนได้ขอให้ย้ายเรื่องมาที่ศาลปกครองจังหวัดยะลาและได้มาฟังคำพิจารณาของศาลในวันนี้
ถึงแม้ว่าหลายคนได้เรียนจบออกไปจากโรงเรียนอนุบาลปัตตานีไปแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังเรียนอยู่ เรื่องนี้ถือเป็นกรณีศึกษาและบรรทัดฐานของโรงเรียนอื่นๆ ในจังหวัด เพราะที่เราต่อสู้เรียกร้องนั้นไม่ได้เกินเลยแต่อย่างใด เป็นระเบียบที่ถูกต้องตามกฎของกระทรวงศึกษาธิการอยู่แล้ว และไม่ได้ทำให้เดือดร้อนต่อศาสนิกอื่นแต่อย่างใด
วันนี้จึงขอขอบคุณอีกครั้งกับทุกคนที่ร่วมต่อสู้กันมา และขอบคุณอีกหลายคนที่ช่วยผลักดัน นักกฎหมายที่ช่วยเขียนสำนวน และอีกหลายๆ ท่านที่ขอสงวนนามไว้ด้วย