ก.พาณิชย์ เคาะผ่อนปรนมาตรการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 3 เดือน ขยายโควต้านำเข้าเป็นไม่เกิน 6 แสนตัน แก้วิกฤตอาหารสัตว์ขาดแคลน

(ภาพจากกระทรวงพาณิชย์)
วันที่ 2 เม.ย. 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) และคณะกรรมการนโยบายอาหาร ครั้งที่ 1/2565 ว่า ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ครั้งที่แล้ว ที่ประชุมได้มอบหมาย 5 ฝ่าย ประชุมร่วมกันแก้ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบอาหารสัตว์ในอนาคต ซึ่งที่ประชุม 5 ฝ่าย ประกอบด้วย 1. ผู้แทนส่วนราชการ กระทรวงพาณิชย์กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงการคลัง เป็นต้น 2. ผู้แทนสภาเกษตรกรที่เกี่ยวกับข้าวโพดและสมาคมชาวไร่มันสำปะหลัง 3. สมาคมการค้าพืชไร่ 4. สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ หมูและไก่เนื้อ และ5. สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์
โดยที่ประชุมหารือร่วมกันและมีข้อสรุปเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดในวันนี้ เพื่อดูแลปริมาณวัตถุดิบอาหารสัตว์ให้เพียงพอภายในประเทศและการผลิตอาหารสัตว์ต่อไป จากมาตรการที่เคยกำหนดไว้เดิมให้สามารถนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ได้สะดวกและคล่องตัวยิ่งขึ้น และส่งเสริมการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์มาชดเชยส่วนที่ขาดในปัจจุบัน และส่งเสริมให้มีการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะเมียนมา โดยจัดให้มีกิจกรรมจับคู่ออนไลน์ OBM ในวันที่ 3 พ.ค. นี้ และมีประเด็นสำคัญประกอบด้วย
1. ยกเว้นเงื่อนไขที่กำหนดไว้เดิม ในการนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน ต้องซื้อข้าวโพดในประเทศ 3 ส่วนเป็นการชั่วคราวก่อน คือระหว่างเดือน พ.ค. ถึง 31 ก.ค. 2565 ซึ่งเป็นการผ่อนปรนมาตรการที่กำหนดไว้เดิมในการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ เพื่อชดเชยส่วนที่ขาดในประเทศ
2. เพิ่มโควต้านำเข้าข้าวโพดจากเดิมกำหนดไว้ 54,700 ตัน เป็นไม่เกิน 600,000 ตัน ภายในเดือนพฤษภาคมถึง 31 กรกฎาคม 2565 จะมีผลให้ลดภาษีนำเข้าข้าวโพดจากอัตรา 20% เป็น 0% เป็นการชั่วคราว ในช่วง 3 เดือนนี้
3. การนำเข้าช่องทางอื่นตามปกติ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะช่วยจับคู่ธุรกิจ เพื่อส่งเสริมการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ให้เพียงพอในประเทศในช่วง 3 เดือนนี้ต่อไป
“ซึ่งเป็นการกำหนดให้นำเข้าวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ได้ 3 ช่องทาง มีปริมาณรวมกันไม่เกิน 1,200,000 ตัน ตั้งแต่ เม.ย.ถึง 31 ก.ค. 2565 เพื่อชดเชยส่วนที่ยังขาดให้มีเหลือพอใช้หนึ่งเดือน และให้ตั้งคณะอนุกรรมการ 5 ฝ่าย เพื่อติดตามประเมินการผลดำเนินการทั้งหมดและสามารถเสนอให้ทบทวนหรือปรับปรุงมาตรการต่อไปได้เพื่อความเหมาะสม” นายจุรินทร์ ระบุ