นายกฯ พอใจตัวเลขนักท่องเที่ยวหลังเปิดประเทศ หวังไตรมาส 4 ยอด 20 ล้านคน ยันยังไม่เก็บค่าเหยียบแผ่นดิน

นายกฯ พอใจ ตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้าไทย หลังเปิดประเทศ 1 พ.ค. ยืนยันยังไม่เก็บค่าเหยียบแผ่นดิน หวังไตรมาส 4 ยอดถึง 20 ล้านคน แม้สถานการณ์ยังเปราะบาง ทั้งโควิด-19 สงครามยูเครน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศ จากธนาคารแห่งประเทศไทยได้แถลงภาวะเศรษฐกิจ เดือน มี.ค.2565 ซึ่งภาวะเศรษฐกิจ และการเงินลดลงจากก่อนหน้าเล็กน้อย เนื่องจากค่าใช้จ่ายในต่างประเทศ ทั้งภาคเอกชนและบริโภค การลงทุน ลดลงจากในสถานการณ์ปัจจุบันพอสมควร แต่ในส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้า และจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ก็เป็นแนวโน้มที่ดี จากวันที่ 1 พ.ค. เป็นต้นมา มีเที่ยวบินเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ประชาชนเข้ามาวันละเป็นหมื่นคน คาดการณ์ว่าจะทำให้การบริโภคภายในประเทศดีขึ้น จากการท่องเที่ยว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 65 ปรับตัวดีขึ้น จากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้จากมูลค่าส่งออกของราคาสินค้า ที่กระทรวงพาณิชย์และหลายหน่วยงานรายงานมาแล้ว และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่สำหรับอัตราเงินเฟ้อ อาจจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าตามราคาของพลังงาน ซึ่งอันนี้เราควบคุมไม่ได้ แต่จะหามาตรการดูแลอย่างไร ซึ่งวันนี้เรามี 10 มาตรการที่ออกไปแล้ว และจะติดตามสถานการณ์ทุก 1 เดือนว่า จะแก้ปัญหาอย่างไร ทั้งกระทรวงพลังงาน และกระทรวงการคลังได้รับไปดูแลแล้ว

นอกจากนี้ การปรับตัวดีขึ้น มีการผลิต การส่งออกมากขึ้น แต่โดยรวมยังมีความเปราะบางอยู่จาก 2 ปัญหาเดิมคือ สถานการณ์โควิด-19และสงคราม การประมาณการเศรษฐกิจเราคาดการณ์ตัวเลขจีดีพีไว้อยู่ประมาณ 3.5 จากเดิมคือคาดการณ์ไว้ที่ 4.0 แต่มีสถานการณ์สงคราม ความขัดแย้งเข้ามา ประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยอาจชะลอตัว โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา รวมทั้งประเทศที่ได้รับผลกระทบจากราคาพลังงาน ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นก็แก้กันต่อไป ทุกประเทศก็มีปัญหาเหมือนกันในเวลานี้ ตนคิดว่าหลายประเทศยิ่งกว่าเรา

ขณะที่ อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ 34.35 ต่อดอลล่าห์ ถือเป็นการอ่อนค่าลงร้อยละ 1.9 จากสัปดาห์ก่อน ถือเป็นผลดีกับการส่งออก โดยเฉพาะพืชผลทางการเกษตร ตลาดหลักทรัพย์ปิดที่ 1667.44 ลดลงจากความกังวลของนักลงทุนต่อสถานการณ์โควิด19 ในประเทศจีนยังรุนแรงอยู่ ประกอบสถานการณ์ความขัดแย้ง รัสเซีย- ยูเครน มีแนวโน้มยึดเยื้อ ขณะที่เศรษฐกิจต่างประเทศ เช่นในสหรัฐอเมริกาขยายตัวลดลง ร้อยละ3.6 แต่ที่ยูโรโซนขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ร้อยละ 5.0 ขณะที่ไต้หวันขยายตัวร้อยละ 3.1 ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ทุกอย่างมันผูกพันกันไปหมด เพราะอยู่ห่วงโซ่เศรษฐกิจเดียวกันทั้งหมด ไม่ว่าจะกลุ่มไหน ภูมิภาคไหนมันยึดโยงไปทั้งหมด สินค้าเกษตรประจำสัปดาห์ที่ 4 ที่เพิ่มขึ้น ข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลินาปี ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 14-15% ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มทะลาย สุกรขุนพันธุ์ผสมมากกว่า 100 กิโลกรัม ไก่รุ่นพันธุ์เนื้อ ไข่สดคละ ก็ดีขึ้น ราคาสูงขึ้น ก็ดีขึ้น แต่จะมีผลกระทบที่ภาคการผลิต วันนี้ให้แก้ปัญหาเรื่องอาหารสัตว์ เรื่องข้าวโพดต่างๆ ซึ่งข้าวโพดก็ต้องรอฤดูกาลใหม่ แต่ช่วงนี้จะทำยังไงให้สินค้าไม่ขาด กระทรวงพาณิชย์เสนอมาตรการนำเสนอในครม. แล้ว”

ผู้สื่อข่าวถามว่า พอใจตัวเลขการท่องเที่ยวหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในขั้นต้นก็พอใจ เพราะมีการประเมินว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ สถานการณ์โควิด-19 ไม่ได้แย่ไปกว่านี้ ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ประะเทศไทยน่าจะมีนักท่องเที่ยวได้ประมาณครึ่งหนึ่งกว่าที่ผ่านมาคือ 20 ล้านคน จาก 40 ล้านคน

ส่วนเก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติหรือค่าเหยียบแผ่นดินเลย นายกฯ บอกว่า “ยังไม่ได้เก็บสักบาทเลย” และว่า จะต้องดูว่าความเหมาะสมว่าจะเก็บเมื่อไหร่ เพราะจะต้องนำเงินตรงนี้มาทำอย่างอื่นด้วย จะเก็บเมื่อไหร่ค่อยไปว่ากันอีกที แต่ตอนนี้ยังไม่มี

เมื่อถามว่า ตั้งเป้านักท่องเที่ยวเข้ามาปีนี้เท่าไหร่ตรงกับเป้าหมายหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าทำอย่างนี้ได้ ปีหน้าก็กลับมาได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง คือประมาณ 20 ล้านคน ซึ่งคนจะมาเที่ยวที่บ้านเราในช่วงไตรมาส 4 เพราะบ้านเราคนจะมาเที่ยวกันในไตรมาส 4 เป็นหลัก ก็ขอให้ช่วยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

ภาพจาก : ทำเนียบรัฐบาล