เทรนด์ธุรกิจ Telehealth เติบโตตอบโจทย์ยุคโควิด – 19 “สมิติเวช” เดินหน้าเปิดแคมเปญ #เราไม่อยากให้ใครเปลือง

โรงพยาบาลสมิติเวช เปิดแคมเปญใหม่ #เราไม่อยากให้ใครเปลือง ในคอนเซ็ปต์เรื่องสุขภาพ อย่า “เอาไว้ก่อน” บริการแพ็กเกจ ตรวจเช็กหัวใจ ลำไส้ใหญ่ เต้านม ปากมดลูก คัดกรองก่อนเป็นโรคร้าย รู้ก่อนโรคร้ายลุกลาม เมื่อไม่ป่วยหนัก รักษาได้ก่อน ก็ไม่เปลือง

ตรงตามแนวคิดของ นพ.ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม รพ.สมิติเวช และ รพ.บีเอ็นเอช ที่ว่า “จุดประสงค์ของการสร้างโรงพยาบาลต้องทำให้คนมีสุขภาพดี ผลักคนออกห่างจากโรงพยาบาล เราทำเรื่องง่ายๆ ช่วยให้คนไม่ป่วย ไม่เปลือง สมิติเวชเน้นการสร้างคุณค่าขององค์กรมากกว่าความสำเร็จ”

ขณะเดียวกัน สมิติเวช ได้เปิด “ศูนย์ลองโควิด” (Long COVID Center) ครบวงจรเป็นแห่งแรกของไทย ภายใต้การดูแลรักษาแบบองค์รวมจากแพทย์ผู้ชำนาญการสหสาขาวิชาชีพ รักษา ดูแล และฟื้นฟู มุ่งหวังให้คนไทยมีสุขภาพดี

นพ.ชัยรัตน์ เผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ช่วยโควิด-19 จำนวน 4 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็น Long COVID 30-50% หรือราว 1-2 ล้านคน โดยพบว่ามีผลกระทบต่อระบบโดยรวม อาทิ อาการก่อนเพลียเหนื่อยล้าสูงสุด 58 % ส่วนอาการต่อระบบประสาทและสมอง ปวดศีรษะ 44% สูญเสียสมาธิ 27% สูญเสียการรับรส 23% สูญเสียความทรงจำบางส่วน 16% นอนไม่หลับ 11% เป็นต้น สมิติเวชจึงทำศูนย์ Long COVID Center ที่ใหญ่และครบวงจร เพื่อช่วยเหลือสังคม

• “เทเลเฮลท์” ( Telehealth ) ตอบโจทย์ช่วงโควิด – 19 ระบาด พบแพทย์ได้ไม่ต้องมา รพ.

กว่า 3 ปีแล้ว ที่ “โควิด – 19” เป็นโรคใหม่ที่เข้ามาเปลี่ยนโลก พร้อมกับสร้างวิถีใหม่ หรือ News Normal ที่เทคโนโลยีเข้ามามีผลบาทสำคัญ “สมิติเวช” ถือเป็นผู้นำด้านการนำเทเลเฮลท์ มาใช้บริการทางการแพทย์

สมิติเวช พลัส (Samitivej Plus) เป็น ดิจิตอลเฮลท์แคร์แพลตฟอร์มเครือโรงพยาบาลสมิติเวช 6 สาขา ได้แก่ สมิติเวช สุขุมวิท, สมิติเวช ศรีนครินทร์, สมิติเวช ศรีราชา, สมิติเวช ชลบุรี, สมิติเวช ธนบุรี และสมิติเวช ไชน่าทาวน์ เชื่อมโยงข้อมูลการรักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก ให้ผู้รับบริการสามารถเข้าถึงข้อมูลการรักษาพยาบาลเฉพาะบุคคลได้อย่างสะดวก รวดเร็ว แม่นยำ โดยไม่ต้องเดินทางมาที่โรงพยาบาล อีกทั้งยังคงไว้ซึ่งความปลอดภัยด้านการจัดเก็บข้อมูลสูงสุด และกฎหมายสิทธิผู้ป่วยเป็นสำคัญ โดยมีฟังก์ชันให้บริการหลัก อาทิ Virtual Hospital โรงพยาบาลเสมือนจริง พบแพทย์ ตรวจรักษาผ่านออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา My History ดูประวัติการรักษาผู้ป่วยนอกย้อนหลัง อาทิ คำวินิจฉัยโรค ใบสั่งยาและวิธีการใช้ยา ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ ภาพเอกซเรย์และอัลตราซาวน์ รวมถึงสมุดผลตรวจสุขภาพ Appointment แสดงวันนัดหมายล่าสุด ค้นหาแพทย์ เช็กตารางออกตรวจ พร้อมนัดหมายแพทย์ออนไลน์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม รพ.สมิติเวช และ รพ.บีเอ็นเอช เผยว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด – 19 เทเลเฮลท์ ดิจิตอลแพลทฟอร์มของ สมิติเวชได้รับการตอบรับ ทั้งในกลุ่มผู้รับบริการคนไทย ทั้งที่อยู่ในกทม. ต่างจังหวัด และต่างประเทศ รวมถึง กลุ่ม EXPAT หรือชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทย รวมทั้งกลุ่มชาวต่างชาติที่มีความสนิทสนมกันก็ใช้เทเลเฮลท์มาปรึกษา

“ช่วงโควิด เราใช้เทเลเฮลท์ ช่วยคนกลุ่มนี้ได้ บางคนเริ่มมีอาการน่าสงสัย จะใช้ เทเลเฮลท์ มาสอบถามแพทย์ ปรึกษาอาการก่อนจะว่าต้องกักตัวไหม ต้องไปโรงพยาบาลไหม อีกส่วนที่สมิติเวชนำมาใช้คือ การตรวจร่างกายผ่านอุปกรณ์ TytoCare ( ตรวจหู ตรวจคอ วัดไข้ ฟังเสียงปอด เสียงหัวใจ ตรวจอาการผิดปกติ อ่านผลพร้อมปรึกษาแพทย์ทันทีผ่าน Samitivej Virtual Hospital ) บริการตรวจให้ถึงที่บ้าน โดยเราใช้ TytoCare ถึง 200 เครื่อง มูลค่า 2 – 3 ล้านบาท ที่ได้บริจาคให้หน่วยงานราชการ ภาครัฐ มหาวิทยาลัยไว้ใช้ตรวจคนไข้ที่เป็นโควิด”

• เทเลเฮลท์ ทางเลือก คนเจเนอเรชั่นใหม่ 2 ปี โต 147%

นพ.ชัยรัตน์ อธิบายว่า เทเลเฮลท์ Tele monitoring หรือ Tele Consultation หรือ Telemedicine ที่เราทำ เพราะเรารู้ว่าขณะนี้ เกิด New norm คนไข้เจเนอเรชั่นนี้ ไม่มาหาหมอ เราจึงต้องสร้างเทเลเฮลท์ เพื่อตอบสนองคนกลุ่มนี้ เราทำให้เทคโนโลยีช่วยคนได้อย่างตรงกับความต้องการ
“สมิติเวชทำเทเลเฮลท์ เรารู้ว่าลูกค้าในกลุ่มนี้ของเราคือเจเนอเรชั่นใหม่ เป็น New norm รวมถึงลูกค้าที่เป็นต่างชาติ แล้วก็เป็นลูกค้าที่ทันสมัย อยากได้ความไฮเทค เราจะทำอะไรเราดู Pain Points ของแต่ละจุด ลูกค้าอยู่ต่างประเทศบินก็ไม่ง่าย หรือลูกค้าอยู่ที่บ้านเจ็บคอ เรามีกล้องที่ส่องได้โดยเขาอยู่ที่บ้าน เราวินิจฉัยได้ว่าเจ็บคอจากไวรัส หรือจากแบคทีเรีย สมมติติดเชื้อไวรัสกินยาพาราฯแล้วนอนพักที่บ้านได้ บอกคนไข้ไม่ต้องมาโรงพยาบาล ผมว่าแบบนี้มันเร้า มันทำให้คนเร้าใจ ผมรู้สึกว่าแบบนี้มันเจ๋ง เราดูแลเขา เราไม่เอาตัง”
นพ.ชัยรัตน์ ยังยกตัวอย่างการนำเทเลเฮลท์ มาใช้ในการกายภาพบำบัด หรือ Tele rehab โดยให้คนไข้มาโรงพยาบาลน้อยลง จากที่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาลเพื่อทำกายภาพติดต่อกัน 10 ครั้ง แต่สมิติเวช ปรับให้ทำกายภาพที่โรงพยาบาล 4 ครั้ง ที่เหลืออีก 6 ครั้งทำ Tele rehab ให้คนไข้ฝึกที่บ้าน

“มันดูเหมือนโรงพยาบาลรายได้ลดลง แต่จะเขาจะไปบอกต่อกันว่า ที่นี่ดีนะ ไม่เอาตัง จากต้องมาโรงพยาบาลมีค่าใช้จ่าย 10 ครั้ง ลดเหลือเพียง 4 ครั้ง”

นพ.ชัยรัตน์ บอกด้วย ช่วงโควิด -19 ระบาดหนัก คนส่วนใหญ่เลี่ยงการมารพ.หากไม่จำเป็น โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก
“เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเด็ก หมอเด็กเรามีชื่อเสียง ถ้าเราไม่มี Telemedicine แทบจะปิด รพ.เด็กเลย เพราะแม่กลัวที่สุด ที่จะอุ้มลูกมาหาหมอ แต่พอเราใช้เทเลเฮลท์ ทั้งหมอทั้งคนไข้และโรงพยาบาล วิน วิน วิน คนไข้ได้รับคำปรึกษาการรักษาโดยไม่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาล ไม่เสี่ยงโควิด-19 หมอรู้สึกมีคุณค่ายังได้รักษาคนไข้ ยังมีรายได้ ส่วนโรงพยาบาลพอได้รายได้ ได้เงินน้อยแต่ปริมาณเยอะ”

“ผมถามว่าเทเลเฮลท์ มีอะไรที่ไม่ดี แต่เรายังต้องพัฒนา แม้เราจะเป็นผู้นำ เราจะพัฒนา Telemedicine ไปอีกขั้น คิดต่อยอดไปเรื่อยๆ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม รพ.สมิติเวช และ รพ.บีเอ็นเอช กล่าว และเผยว่า บริการแบบเทเลเฮลท์ของสมิติเวช บริการแบบ 24 / 7 คือ 24 ชั่วโมง 7 วัน มีหมอผู้เชี่ยวชาญ 52 สาขา มีหมอประจำบริการเทเลเฮลท์กว่า 700 คน โดยด้านอายุรศาสตร์เกี่ยวกับเด็ก ได้รับความนิยมมากที่สุด
นพ.ชัยรัตน์ วิเคราะห์อนาคตของการนำเทเลเฮลท์มาใช้ในประเทศไทย ว่า เทเลเฮลท์เกิดแน่นอน และสามารถสร้างรายได้ให้กับธุรกิจโรงพยาบาล แต่จะเกิดช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับประเภทและพฤติกรรมของผู้บริโภค

“ในประเทศไทยเทเลเฮลท์โตขึ้นเรื่อยๆ กราฟสูงขึ้น ย้อนไป 2 ปี เทเลเฮลท์เติบโต 147 % มองเห็นอนาคต แต่คงไม่สามารถทดแทนจะระบบการมาโรงพยาบาลได้ ไฮเทคยังแทนไฮทัชไม่ได้ แต่ตอบโจทย์ในบางสถานการณ์ได้ ในอนาคตการคัดกรองโรคร้ายเราสามารถดำเนินการผ่านเทเลเฮลท์ได้ เป็นเรื่องของฟิวเจอร์เมดิซีนที่ต้องพัฒนาต่อไป” นพ.ชัยรัตน์ วิเคราะห์ทิ้งท้าย

แน่นอนว่าในอนาคตประเทศไทย เทเลเฮลท์จะถูกนำมาใช้ แพร่หลาย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไปพร้อมกับโลกที่เปลี่ยนสู่วิถีใหม่