‘จุรินทร์’ ระดมพลัง ปชป.ใต้ ประกาศยุทธศาสตร์ ประชาธิปัตย์ คัมแบคขายผลงานคู่อุดมการณ์ พร้อมขอคืน ส.ส. 14 จังหวัดภาคใต้
วันที่ 15 พ.ค. 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในการประชุม ส.ส.ภาคใต้ ตัวแทนสาขาพรรคภาคใต้ เพื่อกำหนดกลยุทธ์และเป้าหมายในการเลือกตั้ง ผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียวฟื้นประชาธิปัตย์ ที่โรงแรมบุรีศรีภู อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ว่า วันนี้ถือว่าเป็นวันที่สำคัญที่สุดวันหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้บ้านเรา เพราะเป็นวันที่เรามารวมพลังกัน เพื่อคืน ส.ส.ภาคใต้ 14 จังหวัดให้กลับคืนมา พร้อมกับเชื่อว่าด้วยพลังของพวกเราทุกคนประชาธิปัตย์ทำได้ โดยขอให้นำสิ่งที่ตนได้สื่อสารในวันนี้ส่งต่อไปยังพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน โดยเฉพาะคนปักษ์ใต้บ้านเรา ด้วยการทำหน้าที่เป็นลำโพงให้กับพรรคประชาธิปัตย์ แต่การเป็นลำโพงที่ประชาชนได้ยินเสียงนั้น ต้องเป็นลำโพงที่ต้องเสียบปลั๊กด้วย
“ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มา 3 ปี ในภาพรวมของพรรคได้ร่วมกับกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกทุกคน ทำให้พรรคสามารถเดินหน้าไปได้ไกลพอสมควร ถ้าเป็นเครื่องบินก็เทคออฟแล้วและขึ้นไปได้ แม้ตกหลุมอากาศบ้าง แต่เดี๋ยวมันจะขึ้นไปได้ต่อ แล้วจะยานต่อไปข้างหน้าไปสู่ความสำเร็จต่อไปในอนาคต” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ประชาธิปัตย์ยุคนี้เป็นยุคของการทำงาน ที่เน้นเรื่องทำ จึงเป็นที่มาของประชาธิปัตย์ อุดมการณ์ทันสมัย ทำได้ไวทำได้จริง จากนี้ไปประชาธิปัตย์ต้องขาย 2 เรื่อง 1. ขายอุดมการณ์ 2. ขายผลงาน เราเป็นพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่พูดคำว่า “อุดมการณ์” ได้อย่างเต็มปาก เพราะ 1. ประชาธิปัตย์ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข 2. ประชาธิปัตย์มีอุดมการณ์ในการทำหน้าที่เพื่อประชาชน ไม่ใช่อุดมการณ์เพื่อทำหน้าที่ให้ใครคนใดคนหนึ่งขึ้นมามีอำนาจ ที่เมื่อทำสำเร็จหรือล้มเหลวแล้วก็ปิดพรรค 3. อุดมการณ์แห่งความซื่อสัตย์สุจริต ด้วย 3 อุดมการณ์นี้ จึงทำให้เรากลายเป็นสถาบันทางการเมือง และไม่เพียงเท่านั้น เรายังเป็นสถาบันทางการเมืองที่ยั่งยืนที่สุดในประเทศไทย และความเป็นสถาบันทางการเมืองนี้จึงเป็นจุดขายสำคัญของเราที่เราต้องเก็บไว้ และต้องสื่อสารให้พี่น้องประชาชนได้เห็น
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการเลือกตั้งซ่อมที่ชุมพร และสงขลา ได้พิสูจน์ว่าจิตวิญญาณของความเป็นสถาบันการเมืองของประชาธิปัตย์นั้นกลับมาแล้ว ไม่อย่างนั้นเราไม่ชนะ ประชาธิปัตย์ชนะ เพราะคนปักษ์ใต้เห็นแล้วว่าระหว่างพรรคการเมืองเฉพาะกิจกับพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันทางการเมือง สุดท้ายประชาชนเลือกอะไร จุดนี้จึงเป็นจุดขายสำคัญที่ประชาธิปัตย์ต้องปลุกจิตวิญญาณนี้กลับคืนมา
นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงผลงานของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีมากมายในยุคนี้ ซึ่งตนนั้นลงมือทำและทำไม่หยุด โดยวานนี้ ก็ได้ไปช่วยรณรงค์หาเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส. ที่โพธาราม ซึ่งมีเสียงตอบรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เดินไปที่ไหนมีแต่คนมาให้กำลังใจมามอบดอกไม้ มาถ่ายรูปด้วย พร้อมกับบอกว่า เดี๋ยวนี้เขาเลือกประชาธิปัตย์ เลือก ส.จ.เส็ง เราจึงมั่นใจว่าเราจะมีโอกาสมากในการที่จะปักธงที่เขต 3 ราชบุรี สจ.เส็ง ชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์
สำหรับการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. นั้น เสียดายที่กฎหมายได้บังคับไม่ให้หัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค ผู้มีตำแหน่งทางการเมืองของพรรคลงไปช่วยหาเสียง และเห็นว่าเป็นกฎหมายที่พิสดาร เพราะเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองส่งผู้สมัครในนามพรรคได้ แต่พรรคกลับไปช่วยหาเสียงไม่ได้ ทำให้กลายเป็นจุดที่ทำให้เหมือนถูกมัดมือมัดเท้า เมื่อส่งผู้สมัครแล้วก็ต้องปล่อยไป ไม่มีโอกาสไปเกี่ยวข้องได้ ไม่ว่าจะทั้งทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งเราต้องแก้กฎหมายเรื่องนี้
“ผมเชื่อว่าด้วยพลังของพวกเราทุกคนด้วยความสามัคคีของพวกเราทุกคนความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในปักษ์ใต้บ้านเรา สิ่งที่รองหัวหน้าพรรค เดชอิสม์ กล่าวนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และเรามั่นใจว่าประชาธิปัตย์ทำได้ หลังเลือกตั้งซ่อมชุมพร สงขลา ทำให้ผมมั่นใจ และเชื่อว่าทำให้เราพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนมีกำลังใจ และทำให้เรามองเห็นความสำเร็จอยู่ข้างหน้ารำไรว่า อีกไม่นานประชาธิปัตย์ภาคใต้บ้านเราจะคัมแบค เหมือนที่เราเคยสำเร็จในอดีต อยากให้กำลังใจจริงอยากให้กำลังใจพวกเราทุกคนขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้กับผม ขอบคุณทุกคำพูดจากใจที่บอกว่าหัวหน้าสู้ๆ มันทำให้ผม มีแรงมีพลังที่จะทำงานจับมือร่วมกับพวกเราทุกคนเพื่อผลักดันเดินไปข้างหน้าร่วมกับทีมงานพวกเราทุกคน ขอเพียงให้พวกเราอย่าท้อแท้ อย่าสิ้นหวัง ในวิกฤตทุกวิกฤตมีโอกาสเสมอ ครั้งที่แล้วเราอาจจะเหลือ 23 เที่ยวหน้า เราจะได้ 24 ไม่ได้เหรอ เราจะได้ 25 ไม่ได้เหรอ เราได้ 26 ไม่ได้เหรอเราได้ 30 ได้ไหม เรามี 40 ได้ไหม ผมเชื่อประชาธิปัตย์ทำได้ ประชาธิปัตย์คัมแบคแน่นอน” นายจุรินทร์ กล่าว