SHARE

คัดลอกแล้ว

‘สุรชาติ’ เพื่อไทย อภิปรายครั้งแรกไม่รับร่างงบฯ 66 บอกไม่หวงตำแหน่งแม้เพิ่งเข้าสภา เรียกร้องนายกฯ ยุบสภา แต่ถ้าไม่ยุบสภาขอปรับทัศนคติทั้งการบริหารและสื่อสารกับประชาชน

วันที่ 2 มิ.ย. 2565 นายสุรชาติ เทียนทอง ส.ส.กทม. จตุจักร-หลักสี่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายครั้งแรกหลังเป็น ส.ส. จากการเลือกตั้งซ่อม แทนนายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ

นายสุรชาติ กล่าวเริ่มต้นว่า “ผมเฝ้ารอวันนี้มากว่า 3 ปี วันที่จะได้กลับเข้ามาทำงานในสภาแห่งนี้ในฐานะตัวแทนของประชาชน แต่กว่า 3 ปีที่ไม่ได้อยู่ในสภาแห่งนี้ผมก็ได้เฝ้าติดตามการทำงานของรัฐบาลและสภาของเรามาโดยตลอดจนถึงวาระงบประมาณปี 2566”

จากนั้นได้อภิปราย เน้นไปการจัดงบประมาณของรัฐบาลในภาวะวิกฤตประเทศ โดยสรุประบุว่า อยากให้เห็นตรงกันว่าประเทศกำลังเผชิญวิกฤตแสนสาหัส โดย 3 ปัจจัยตัวชี้วัด คือ 1.หนี้สาธารณะคงค้างกว่า 10 ล้านล้านบาท หลายปีตั้งแต่ปฏิวัติรัฐประหารมากู้แล้วกู้อีกกู้ซ้ำกู้ซาก 2. หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีสูงสุดในรอบ 18 ปี และ 3. การจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการหลายปีติดต่อกันและคิดว่าจะเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกหลายปี แต่ในทุกวิกฤตมีโอกาสได้ หากมีการบริหารจัดการที่ดี เตรียมพร้อม และมีหลักการบริหารที่ดี

หลักการบริหารภายใต้สภาวะวิกฤตมีหลายข้อ เช่น 1. การใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าที่สุด 2. ต้องรู้ว่าอะไรสำคัญที่สุด ต้องรักษาทรัพยากรนั้น 3. ต้องมีผู้นำที่มีวุฒิภาวะที่ดีแต่จากการติดตามผลงานของรัฐบาลชุดนี้มาตลอดหลายปี ไม่เห็นสิ่งเหล่านี้เลยในหลักของการบริหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีวิกฤตโควิด-19 มาอย่างน้อย 2 ปี ซ้ำกับที่มีปัญหาเศรษฐกิจต่อเนื่องมาหลายปี ไม่เห็นเลย ไม่เห็นการบริหารที่ดี ไม่มีการปรับเปลี่ยน ใช้วิธีการเดิมๆ รวมถึงการทำงบประมาณของรัฐบาล ปรับลดเพิ่มขึ้นใช้วิธีเดิมๆ ถ้าร่างพ.ร.บ.ผ่านวาระที่ 1 ผ่านเข้าไป เชื่อในชั้นกรรมาธิการ หน่วยงานก็จะทำวิธีการเดิมๆ

นายสุรชาติ ได้ยกตัวอย่าง งบกระทรวงศึกษาธิการปีนี้ถูกปรับลดไปประมาณ 4,500 ล้านบาท สวนทางกับสิ่งที่ควรจะเป็น 2 ปีที่ผ่านมามีวิกฤตโควิด นักเรียนต้องเรียนออนไลน์ แต่ปีการศึกษานี้ นักเรียนได้กลับเข้าเรียนกลับปรับลดงบประมาณ ทั้งที่ควรอัดฉีดงบลงไปทำให้โรงเรียนเป็นที่พึ่งของนักเรียนและผู้ปกครอง เพราะผู้ปกครองมีภาระยุคข้าวยากหมากแพง วันนี้หลายๆ โรงเรียนตั้งแต่เปิดเทอม “นมโรงเรียน” เด็กยังไม่ได้ดื่มเลย

ขณะที่ปีนี้ งบกลาโหม ลดลง 2% แต่ถ้าดูงบโดยรวมคือกว่า 197,000 ล้านบาท ในสภาวะที่คนอดมื้อกินมื้อกินมาม่าคลุกข้าวเปล่า แต่เราใช้งบไปกลับการซื้ออาวุธเกี่ยวกับความมั่นคง ไม่ได้ปฏิเสธ ความมั่นคงสำคัญแต่ในสภาวะเช่นนี้ไม่สมเหตุสมผล ขอยืมคำของเพื่อนๆ สมาชิกในสภาแห่งนี้ที่อภิปรายเกี่ยวกับงบกองทัพว่าเป็นงบที่ “ฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย และตรวจสอบไม่ได้”

นอกจากนี้ นายสุรชาติ ยังได้อภิปรายถึงงบกิจการของสภา โดยระบุว่า ตนเพิ่งได้มีโอกาสกลับมาเหยียบสภาแห่งนี้เป็นครั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตนตกใจกับความใหญ่โต โอ่อ่าของรัฐสภาแห่งนี้ ยิ่งไปดูงบ 8,088 ล้านบาท เราเป็นสภาผู้แทนราษฎร เราเป็นคนของประชาชน ประชาชนให้เรามาทุกอย่าง ประชาชนให้เกียรติเรามา ประชาชนให้ศักดิ์ศรีเรามา ประชาชนให้ตำแหน่งเรามา และประชาชนให้เงินเดือนให้สวัสดิการเรามา เพราะฉะนั้นเราจะทำอะไรก็แล้ว เราเองต้องหันกลับมาดูตัวเองเรา จะไปเรียกร้องหาสำนึกจากใคร เราก็ต้องดูสำนึกที่ตัวเราเองก่อน งบประมาณอาหารของสมาชิกของเราในวันประชุม 861 บาท เป็นระบบเหมาจ่าย หมายความว่าใครจะกินไม่กิน ใครจะลาประชุมหรือไม่ลาเหมาหมด ถ้าไปเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำใช้เหงื่อแทนน้ำ 330 บาทต่อวันไปเลี้ยงทั้งครอบครัว และถ้าไปเทียบกับงบอาหารกลางวันเด็ก หลายปีที่แล้วงบ 20 บาทต่อคนต่อหัว เพิ่มขึ้นมาตั้ง 1 บาทคือ 21 บาท เราเองเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาจากประชาชน ต้องพึงสังวรณ์และละอายใจเรื่องนี้

นายสุรชาติ กล่าวว่า หลักการบริหารในช่วงวิกฤตอีกข้อหนึ่ง คือการรักษาทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของประเทศ ประชาชนคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของประเทศนี้ ถ้าประชาชนไม่รอด ประเทศก็ไม่รอด เห็นการใช้งบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือใช้ในช่วงวิกฤตโควิด

“ไม่ว่ารัฐบาลจะพูดอย่างไร เชื่อผมเถอะครับ ผมไม่ได้ใส่ร้าย ผมเป็นคนหนึ่งที่อยู่กับประชาชนทุกวันในช่วงของโควิดถ้าพึ่งพาจากภาครัฐอย่างเดียว ถ้าไม่ได้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนช่วยเหลือกันเอง ประเทศนี้เข้าสู่สภาวะล้มเหลวไปแล้วครับ เพราะฉะนั้นการใช้งบประมาณต่างๆ หลายปีที่ผ่านมาไม่ได้ตอบโจทย์ ไม่ได้แก้ปัญหาให้ประชาชนได้เลย” นายสุรชาติ ระบุุ

ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ได้กล่าวถึงภาวะผู้นำว่า ผู้นำจะเป็นคนที่ตัดสินใจทุกอย่าง และจะนำพาประเทศของเราพ้นวิกฤตไปได้ขอเรียนไปถึงท่านนายกฯ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่เคยมีอคติกับท่านนายกฯ เลยสักนิดเดียว ตนอยู่ในพื้นที่มีหลายคนที่เดินมาบอกว่าท่านนายกฯ เป็นคนดี ตนเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจและไม่เคยปฏิเสธว่าท่านเป็นคนดี แต่ความเป็นคนดีกับความเป็นคนที่เหมาะสมในการบริหารงานนั้นมันแตกต่างกัน แล้วก็ทัศนคติที่ท่านนายกฯ มีต่อประชาชนในการแสดงออกในหลายๆ ครั้ง มันสะท้อนให้เห็นว่า ท่านมีทัศนคติที่มองเห็นคนอื่นเป็นศัตรูและไม่รับฟังประชาชน จึงอยากจะขอใช้ประโยคหนึ่งที่ใช้ในการปราศรัยสุดท้ายในการหาเสียงเลือกตั้งก่อนที่จะได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามา คือรัฐบาลใดก็แล้วแต่ที่เรียกร้องหาสำนึกจากประชาชน ในขณะที่รัฐบาลนั้นๆ ยังไม่สามารถให้โอกาสให้ประชาชนได้มีโอกาสในการรักษาชีวิต และปากท้องของเขาได้อย่างดีนั้น การเรียกร้องหาสำนึกจากประชาชนจากรัฐบาลนั้น ถือเป็นการพูดที่ไร้สำนึกของรัฐบาลและผู้นำ

“ผมขอพูดด้วยความบริสุทธิ์ใจนะครับ มาถึงวันนี้มาถึงตรงนี้ ผมคิดว่าท่านนายกฯ มีทางเลือก 2 ทางครับ ผมเพิ่งเข้าสภามาได้ประชุมวันนี้วันที่ 5 ผมไม่หวงตำแหน่งครับ ถ้าท่านจะรู้ตัวท่านยุบสภาครับ ท่านมี 2 ทางเลือกยุบสภา ผมไม่เรียกร้องให้ท่านลาออก แล้วพวกผมจะไปเอาอำนาจจากท่านมาหรอกครับ ยุบสภาแล้วให้ประชาชนตัดสินใจ ส่วนตัวผมเองผมเพิ่งประชุมไม่กี่วัน ผมไม่มีหวงตำแหน่งไม่มีหวงอำนาจครับ แต่ถ้าท่านเลือกจะอยู่ต่อนะครับ ผมกราบขอร้องท่านนายกฯ ครับ อีกไม่กี่เดือนที่เหลือ ผมขอเถอะครับขอให้ท่านได้ปรับทัศนคติสักนิดนึง ทั้งในการบริหาร และการสื่อสาร โดยเฉพาะการสื่อสารกับประชาชนครับ… ขอใช้สิทธิ์ไม่รับร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ครับ” นายสุรชาติ กล่าว

ภาพจาก : ประชาสัมพันธ์ สภาผู้แทนราษฎร

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า