หลัง 10 มิ.ย.นี้ จับตาศบค.ชุดใหญ่เคาะขยายเวลาเปิดผับ-บาร์ถึงตี 2 ให้ถอดหน้ากากในพื้นที่สาธารณะได้

ชง ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาผ่อนคลายมาตรการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึงตี 2 ให้ถอดหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะได้ ‘อนุทิน’ โต้แพทย์ชนบนปมวัคซีน ย้ำสั่งมาแค่พอดีคนไม่ได้

วันนี้ (7 มิ.ย. 2565) จากกรณีชมรมแพทย์ชนบทตั้งคำถามหลังกระทรวงสาธารณสุขเตรียมจัดส่งวัคซีนกว่า 16.8 ล้านโดสให้โรงพยาบาลส่งเสริมตำบลทั่วประเทศโดยระบุว่า ขอให้รัฐบาล ศบค.และ สธ.ยอมรับความจริงว่า สั่งวัคซีนมาเกินกว่าความต้องการ พื้นที่ก็ขยันฉีดและทำกันเต็มที่แล้ว วัคซีนยังมีอยู่เต็มตู้เย็น ดังนั้น หากจะแก้ปัญหาวัคซีนล้นคลัง สธ.ก็ให้แก้ด้วยการยอมรับสภาพแบบแมนๆ หากหมดอายุ บริจาคไม่ออก ก็รวบรวมไปทำลาย ไม่ต้องส่งมาให้หมดอายุที่ รพ.สต.

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ชี้แจงว่า ขอให้ทำหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุดก่อน ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำไป เรื่องนี้เป็นนโยบาย การพิจารณาจัดหาวัคซีนเริ่มตั้งแต่กรมควบคุมโรค สำนักงานปลัด สธ. กระทรวงสาธารณสุข ก่อนไป ศบค. ทุกอย่างมีขั้นตอน แต่ใครทักท้วงอะไรมาก็รับฟัง ถ้าทักมาด้วยเจตนาที่ดี ก็พร้อมที่จะพัฒนา แก้ไข แต่หากทักมาด้วยเจตนาขอแค่ได้ทัก ก็คงต้องชี้แจง ตอนไม่มีวัคซีนก็บอกว่าขาดวัคซีน ตอนมีวัคซีนเชื้อตายก็บอกว่าทำไมไม่มีวัคซีนไวรัลเวกเตอร์ พอวัคซีนไวรัลเวกเตอร์มาก็บอกว่าทำไมไม่มีวัคซีน mRNA แล้ววัคซีนที่บอกว่าล้นสตอกนั้น ถามว่าถ้าสั่งวัคซีนมาให้เท่ากับจำนวนคนเลยได้หรือ ไม่ต้องเผื่อเลยได้หรือ แล้ววัคซีนที่ได้มาก็ไม่ใช่สิ่งที่เราซื้ออย่างเดียว แต่มีคนบริจาคมาให้ด้วย

ศบค.เตรียมประเมินผ่อนคลายมาตรการ ถอดหน้ากากอนามัย-เปิดสถานบันเทิงถึง ตี 2 ประเมินทุก 10 วัน

พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าววานนี้ว่า การเตรียมประเมินผ่อนคลายมาตรการถอดหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะ และขยายเวลาเปิดสถานบันเทิง ว่า นโยบายของ ศบค.ตั้งแต่แรกมีความชัดเจนในเรื่องของการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ต้องการให้ประชาชนประกอบอาชีพได้ตามปกติ และขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ และต้องคำนึงถึงความปลอดภัย จึงต้องพิจารณาผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ อย่างรอบคอบ ป้องกันความเสียหายและซ้ำเติมผู้ประกอบการหากเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังอย่างมาก

สำหรับขั้นตอนในการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ กระบวนการทั้งหมดนั้นจะต้องร่วมกันพิจารณาทั้งในส่วนของ กทม. และจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งมีโครงสร้างอยู่ใน ศบค. และมีการประชุมพูดคุยกันทุกสัปดาห์ และเสนอข้อพิจารณาต่าง ๆ ให้เป็นไปตามมาตรการที่รัฐบาลกำหนด คือ ค่อยเป็นค่อยไป

เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวถึงการเสอนืการผ่อนคลายขยายเวลาเปิดผับบาร์เป็น 02.00 น. ว่า ตามหลักการเมื่อมีการผ่อนคลายให้เปิดสถานบันเทิงในวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา จะมีการประเมินอีกครั้ง หลังผ่านไปแล้ว 10 วัน โดยจะประเมินตัวเลขผู้ติดเชื้อ และความร่วมมือของผู้ประกอบการและผู้มาใช้บริการ จากนั้นจะกำหนดออกมาเป็นมาตรการ เช่น การผ่อนคลายทั่วประเทศให้ทุกพื้นที่เป็นสีเขียวทั้งหมด

ทั้งนี้ ศบค.ได้ตั้งเป้าการผ่อนคลายสถานบันเทิงให้สามารถเปิดได้ตามปกติ รวมไปถึงการผ่อนคลายให้ถอดหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งทั้ง กทม.และภูเก็ต ก็ต้องการที่จะเป็นพื้นที่นำร่อง แต่ก็ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยยึดถือปัจจัยระหว่างการให้ประชาชนประกอบอาชีพได้ตามปกติ กับการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายซ้ำสอง หากประเมินจากสถานการณ์ในปัจจุบัน มีความเป็นไปได้สูงที่จะผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติม เนื่องจากประชาชนให้ความร่วมมือ โดยสถานบริการต่างๆ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค แต่ยังมีข้อกังวลเรื่องของวัคซีน เพราะบางพื้นที่ยังมีตัวเลขเปอร์เซ็นต์การได้รับวัคซีนน้อยมาก ซึ่งเรื่องนี้ในกรุงเทพฯ ไม่น่ากังวล เพราะประชาชนส่วนใหญ่ตระหนักรู้ แต่บางจังหวัดยังน่าเป็นห่วง

“หลังวันที่ 10 มิ.ย.นี้ จะมีความชัดเจนเรื่องของมาตรการต่าง ๆ ที่จะผ่อนคลายเพิ่มเติม ซึ่ง ศบค.ก็ได้เตรียมแผนรองรับไว้แล้ว การผ่อนคลายก็จะต้องรู้ว่ารูปแบบใดจะปลอดภัยที่สุด เช่น การให้อิสระใส่หน้ากากอนามัย หรือไม่ใส่ก็ได้” เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า