EXIM BANK กับ BIDV ทุ่มเงินกว่า 3 พันล้าน สนับสนุน SMEs ไทยออกไปลงทุนเวียดนาม

EXIM BANK ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของไทย ลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงินกับ BIDV ธนาคารเพื่อการลงทุนและพัฒนาเวียดนาม เพื่อสนับสนุนการค้าระหว่างสองประเทศ

วันนี้ (10 มิ.ย. 2565) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK ได้ลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงินกับธนาคารเพื่อการลงทุนและพัฒนาแห่งประเทศเวียดนาม (The Joint Stock Commercial Bank for Investment and Development of Vietnam: BIDV) จำนวน 100 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3,000 ล้านบาท

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อให้ BIDV นำเงินลงทุนดังกล่าวไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รวมถึงสนับสนุนการส่งออกสินค้า การแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อขยายการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับเวียดนาม และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการของสองประเทศ

นอกจากนี้ EXIM BANK ยังเปิดตัวสำนักงานผู้แทน (Representative Office) แห่งที่ 4 ในนครโฮจิมินห์ เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างประเทศให้กับผู้ประกอบการ SMEs

สำหรับประเทศเวียดนาม ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจของ SMEs ไทยในการส่งออก เพราะนอกจากจะมีที่ตั้งอยู่ไม่ห่างกันแล้ว เศรษฐกิจเวียดนามยังมีแนวโน้มเติบโตสูงต่อเนื่องเกือบ 7% ต่อปี ซึ่งในปี 2564 ที่ผ่านมา ถึงจะเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 แต่จีดีพีก็ยังเติบโตเกือบ 3%

นอกจากนี้ ยังมีโอกาสการทำธุรกิจท่ามกลางตลาดผู้บริโภคขนาดมหึมา จากจำนวนประชากรของเวียดนามที่สูงเฉียด 100 ล้านคน ประชากรวัยทำงานมีกำลังซื้อสูงขึ้น ขณะเดียวกัน รัฐบาลเวียดนามยังมีนโยบายสนับสนุนการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศอีกด้วย

ส่วนอุตสาหกรรมไทยที่มีโอกาสขยายธุรกิจในเวียดนาม คือ

1. ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food and Beverage) โดยเฉพาะอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมจากชาวเวียดนามมากขึ้น

2. ธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล ตามเทรนด์การเติบโตของเทคโนโลยี

3. ธุรกิจในกลุ่ม BCG จากนโยบายพลังงานสะอาดของรัฐบาลเวียดนาม

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK บอกว่า ความร่วมมือกับ BIDV ครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจ SMEs ออกจากฝั่ง อีกทั้งเป็นการต่อจิ๊กซอว์การค้าของในกลุ่มประเทศ CLMV ไปพร้อมกับการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

Business Model ที่ EXIM BANK ทำร่วมกับธนาคาร BIDV ประเทศเวียดนาม เปรียบเสมือนการแต่งงาน จากเดิม EXIM BANK จะปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ (Soft Loan) เพื่อสนับสนุนธุรกิจไทยให้ออกไปทำธุรกิจต่างประเทศเท่านั้น

แต่ความร่วมมือในครั้งนี้ยังมีสิทธิประโยชน์พิเศษ (Incentive) เพื่อให้ผู้ประกอบการเวียดนาม นำวงเงินสินเชื่อที่ได้รับกลับมาซื้อของจากผู้ประกอบการไทยอีกด้วย โดยกำหนดสัดส่วนที่ 50% ของสินเชื่อที่ได้รับ เบื้องต้น BIDV มีฐานลูกค้าในมือประมาณ 2,000 ราย

นอกจากนี้ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ธนาคาร EXIM BANK กำหนดให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ได้รับสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง มีข้อกำหนดต้องสร้างซัพพลายเชนจากธุรกิจ SMEs โดยคาดหวัง 1 บริษัทใหญ่จะช่วยสร้างซัพพลายเชนจาก SMEs 500 ราย หรือ 1 ต่อ 500

นอกจากการสนับสนุนด้วยวิธีการให้สินเชื่อแล้ว EXIM BANK ยังสนับสนุน SMEs ผ่านเครื่องมืออื่นๆ เช่น การรับประกันสินเชื่อ รวมถึงมีแผนจะค้ำประกันสินเชื่อระหว่างประเทศ ซึ่งตามกฎหมายสามารถทำได้

แต่ถึงอย่างนั้น EXIM BANK ไม่ได้คาดหวังให้ผู้ประกอบการอยู่กับธนาคารไปตลอด โดยมีเป้าหมายเป็นธนาคารแห่งการพัฒนาสมชื่อ กล่าวคือ ช่วง 3 ปีแรกที่มีความเสี่ยงให้ผู้ประกอบการอยู่กับ EXIM BANK ก่อน แต่หลังปีที่ 4 เป็นต้นไปควรไปหาธนาคารอื่นๆ ที่อาจสนนดอกเบี้ยให้ดีกว่า

ตอนนี้ EXIM BANK มีลูกค้าผู้ประกอบการไทยเข้ามาสอบถามอยากทำธุรกิจในเวียดนามแล้วกว่า 200 ราย โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2565 ยอดสินเชื่อคงค้างของ EXIM BANK ในเวียดนามจะเพิ่มขึ้นแตะ 20,000 ล้านบาท เทียบเท่าลาว จากปัจจุบันที่ 10,000 ล้านบาท

สำหรับวงเงิน 100 ล้านเหรียญในครั้งนี้จะมีการต่ออายุต่อเนื่องในทุกๆ ปี และในอนาคต Business Model นี้ของ EXIM BANK จะนำไปใช้กับประเทศในกลุ่ม CLMV อื่นๆ ทั้งกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงกลางปี 2566 วงเงินระหว่าง 50-100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือระหว่าง 1,700-3,000 ล้านบาท