‘เซเลนสกี’ แซะผู้นำเยอรมนี มัวแต่ห่วงความสัมพันธ์รัสเซีย ไม่เด็ดขาดให้ความช่วยเหลือยูเครน

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี มอบความช่วยเหลือแก่ยูเครนอย่างเต็มที่ ระบุที่ผ่านมายังไม่เห็นความช่วยเหลืออย่างจริงจังเนื่องจากผู้นำเยอรมนีมัวแต่กังวลว่าจะกระทบความสัมพันธ์กับรัสเซีย 

ประธานาธิบดีเซเลนสกีกล่าวกับสถานีโทรทัศน์ ZDF ของเยอรมนีว่า “สิ่งที่เราต้องการคือความมั่นใจจากนายกรัฐมนตรีชอลซ์ว่าเยอรมนีจะสนับสนุนยูเครน เขาและรัฐบาลจะต้องตัดสินใจว่า จะไม่มีการแลกเปลี่ยนระหว่างยูเครนและความสัมพันธ์กับรัสเซีย”

คำพูดของประธานาธิบดีเซเลนสกีมีขึ้น ท่ามกลางการคาดเดาว่าผู้นำเยอรมนีจะเดินทางเยือนกรุงเคียฟ พร้อมกับประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรี มาริโอ ดรากี ของอิตาลี ในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ (16 มิ.ย.) ซึ่งนับเป็นการเดินทางเยือนยูเครนครั้งแรกของผู้นำทั้งสามนับตั้งแต่สงครามปะทุ

โดยหนังสือพิมพ์ ลา สแตมปา (La Stampa) ของอิตาลีรายงานว่า ผู้นำยุโรปทั้งสามจะเดินทางเยือนเมืองหลวงของยูเครนในวันพฤหัสบดีนี้ (16 มิ.ย.) ซึ่งสอดคล้องกับที่หนังสือพิมพ์เยอรมนีอีกฉบับอย่าง บิลด์ อัม ซอนน์ทาก ( Bild am Sonntag) ออกมาเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ (12 มิ.ย.) ว่า ผู้นำทั้งสามวางแผนที่จะเดินทางยูเครนก่อนที่การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม G7 จะเปิดฉากขึ้นในช่วงปลายเดือน มิ.ย. นี้

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันใดๆ เกี่ยวกับการเดินทางเยือนยูเครนของนายกรัฐมนตรีชอลซ์ จากทางการเยอรมนี 

ก่อนหน้านี้ ยูเครนและพันธมิตรตะวันตกได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลีว่า เชื่องช้าในการจัดส่งอาวุธไปช่วยกองทัพยูเครนรับมือกับรัสเซีย และมองความเจริญรุ่งเรืองของตนเองสำคัญมากกว่าเสรีภาพและความมั่นคงของยูเครน

ขณะที่ผู้นำของทั้งสามประเทได้ยืนกรานปฏิเสธข้อหาเหล่านั้น ขณะเดียวกันก็ยังคงเพิกเฉยต่อกระแสเรียกร้องให้เดินทางเยือนกรุงเคียฟ โดยระบุว่าจะทำเช่นนั้นก็ต่อเมื่อจะมีการประกาศอะไรออกมาอย่างเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีชอลซ์ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าไม่มีภาวะผู้นำในการแก้ปัญหายูเครน ซึ่งอาจเป็นรอยร้าวภายในที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นเอกภาพของชาติตะวันตกในการต้านอิทธิพลของรัสเซีย

ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ ผู้นำเยอรมนีเพิ่งออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เยอรมนีกำลังเตรียมส่งมอบระบบปืนใหญ่เคลื่อนที่ที่ทันสมัยอันดับต้นๆ ของโลกให้กับยูเครน แต่การดำเนินการนี้จะต้องใช้เวลา เนื่องจากเยอรมนีจำเป็นที่จะต้องฝึกให้กำลังพลของยูเครนใช้งานระบบดังกล่าวให้เป็นก่อน