ราคาบิตคอยน์ปรับตัวลงต่ำกว่า 7.3 แสนบาท จากช่วงกลางเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาปรับตัวลงต่ำกว่า 1 ล้านบาทเป็นครั้งแรกในรอบ 18 เดือน Satang เว็บเทรดสัญชาติไทยคาดตลาดคริปโตจะอยู่ในขาลงต่อเนื่องไปอีก 1-2 เดือน
ความเคลื่อนไหวของราคาบิตคอยน์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (10-14 มิ.ย. 2565) ปรับตัวลงต่อเนื่องกว่า 25% จากระดับ 1 ล้านบาท (ราว 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ) สู่ระดับ 7.7 แสนบาท (ราว 22,000 ดอลลาร์สหรัฐ)
ระหว่างสัปดาห์ราคาบิตคอยน์ปรับตัวลงต่ำสุดที่บริเวณ 7.2 แสนบาท (ราว 20,800 ดอลลาร์สหรัฐ) ลดลงกว่า 65% จากจุดสูงสุดเมื่อเดือน พ.ย. 2564 ที่ 2.1 ล้านบาท (ราว 64,400 ดอลลาร์สหรัฐ)
สำหรับการปรับตัวลงในครั้งนี้ สาเหตุหลักมาจากภาวะเงินเฟ้อ หลังจากที่สหรัฐประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) เดือน พ.ค.ที่ 8.6% สูงสุดในรอบ 40 ปี ทำให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ (14-15 มิ.ย.)
นอกจากนี้ ราคาบิตคอยน์ยังถูกกระทบจากเหตุการณ์ที่ Celsius ธนาคารบนโลกคริปโตเคอร์เรนซี ที่ประกาศระงับการถอนเงิน รวมถึงการทำธุรกรรมต่างๆ เพิ่มความกังวลให้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
ส่วนกราฟทางเทคนิค (Technical Chart) บ่งชี้ว่าราคาบิตคอยน์มีความเสี่ยงจะปรับตัวลงต่อเนื่องสู่ระดับ 19,000-21,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเวลาอันใกล้นี้ หรือราว 6.6-7.3 แสนบาท
ขณะที่ ‘สก็อต ไมเนิร์ด’ (Scott Minerd) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของกุกเกนไฮม์ (Guggenheim) ให้สัมภาษณ์กับสำนักงาน CNBC เมื่อปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดยคาดว่าบิตคอยน์มีความเสี่ยงลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 8,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.8 แสนบาทเลยทีเดียว
‘สรัล ศิริพันโนน’ ซีอีโอ Satang Corporation คาดว่า ขาลงของบิตคอยน์ยังไม่จบ เพราะคาดว่าเงินเฟ้อจะยังสูงต่อเนื่องไปอีก 1-3 เดือนต่อจากนี้ ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต้องใช้นโยบายการเงินแบบเข้มข้น กล่าวคือ ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสู้ปัญหาเงินเฟ้อต่อไป
เพราะฉะนั้น ตลาดขาลงของคริปโตเคอร์เรนซีคงยังไม่จบจริงในช่วง 1-2 เดือนนี้แน่นอน แต่ถึงเป็นขาลง คาดว่าตลาดคงไม่ได้วิ่งลงเป็นเส้นตรงดิ่งตลอดเวลา อาจปรับลงแบบซิกแซ็ก ซึ่งคนลงทุนไม่ควร All-in หรือใส่เงินในครั้งเดียว ควรกระจายการลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงของพอร์ตตัวเองด้วย