ผู้นำยูเครนห่วงรัสเซียโจมตีหนักขึ้น ขณะอียูเตรียมพิจารณารับรองสถานะเป็นผู้สมัครสมาชิก

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนแถลงผ่านวิดีโอเมื่อคืนวันอาทิตย์ (19 มิ.ย.) แสดงความกังวลว่ารัสเซียจะยกระดับการโจมตียูเครนหนักมากขึ้น ในขณะที่ผู้นำสหภาพยุโรป (EU) เตรียมจัดการประชุมเพื่อพิจารณาให้การรับรองสถานะยูเครนเป็นผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิก

“สัปดาห์ที่จะถึงนี้จะเป็นสัปดาห์แห่งประวัติศาสตร์ที่กำลังจะมีการตัดสินใจสำคัญซึ่งเกี่ยวข้องกับยูเครน และแน่นอนว่าในสัปดาห์นี้ เราคิดว่ารัสเซียจะมีกิจกรรมที่เป็นปฏิปักษ์รุนแรงขึ้นอย่างแน่นอน พวกเรากำลังเตรียมตัว และพวกเราก็พร้อมแล้ว” ประธานาธิบดีเซเลนสกีระบุ

ทั้งนี้ ยูเครนได้ยื่นสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป 4 วันหลังจากที่รัสเซียได้ส่งกองทัพบุกข้ามพรมแดนเข้ามายังยูเครนเมื่อปลายก.พ. ที่ผ่านมา แต่กระบวนการพิจารณาเพื่อเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปต้องใช้เวลาอีกหลายปี โดยยูเครนจำเป็นที่จะต้องทำการปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมครั้งใหญ่เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของสหภาพยุโรป

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันศุกร์ (17 มิ.ย.) คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้ออกมาประกาศสนับสนุนให้ยูเครนได้รับสถานะผู้สมัครเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป พร้อมเตรียมนำเรื่องดังกล่าวขึ้นพิจารณาในที่ประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรปซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 23-24 มิ.ย. โดยคาดว่าจะได้รับเสียงตอบรับจากสมาชิกส่วนใหญ่แม้ยังคงมีชาติสมาชิกบางส่วนที่ยังคงคัดค้าน

ด้านประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้แสดงความคิดเห็นในวันเดียวกันหลังจากที่คณะกรรมาธิการยุโรปแสดงท่าทีสนับสนุนยูเครนว่า “รัสเซียไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการที่สหภาพยุโรปจะรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิก” แต่จะติดตามความเป็นไปของยูเครนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของความร่วมมือด้านการป้องกันทางทหารภายหลังจากยูเครนเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปแล้ว

ขณะนี้รัสเซียกำลังพยายามเข้ายึดครองภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกของยูเครนให้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างสมบูรณ์ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของเมืองซีวีโรโดเนสก์ (Sievierodonetsk) ได้ออกมายอมรับพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองตกอยู่ภายใต้การควบคุมรัสเซียเรียบร้อยแล้ว 

ขณะเดียวกัน สำนักข่าวทัสส์ของรัสเซียได้ออกมารายงานเมื่อวันอาทิตย์ (19 มิ.ย.) ว่า กองทัพรัสเซียสามารถยึดพื้นที่ในเขตเมตยอลคีน (​​Metyolkine) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชานเมืองไว้ได้อีกแห่ง โดยมีนักรบยูเครนจำนวนมากยอมมอบตัวให้กับกองทัพรัสเซีย ขณะที่ยูเครนระบุว่ารัสเซียประสบความสำเร็จแค่บางส่วนในการยึดครองพื้นที่ดังกล่าว