SHARE

คัดลอกแล้ว

ประเทศไทยเป็นสังคมที่เต็มไปด้วยความแตกต่างหลากหลาย ทั้งทางด้านชาติพันธุ์ ศาสนา ภาษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเพศ ซึ่งถือเป็นอัตลักษณ์อันโดดเด่นอย่างหนึ่งของประเทศไทย ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ผู้คนในสังคมไทยมีการยอมรับและเข้าใจเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศมากขึ้น ทำให้ชาว LGBTQAI+ มีโอกาสได้เข้ามามีบทบาทสำคัญเด่นชัดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมมากกว่าในอดีต

นิกร ฉิมคง ประธานองค์กรบางกอกเรนโบว์ กล่าวว่า จากประสบการณ์ในทำงานเพื่อชาว LGBTQAI+ กว่า 20 ปี ถือว่าปัจจุบันคนไทยยอมรับชาว LGBTQAI+ มากกว่าในอดีต ส่วนหนึ่งเพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และสื่อโซเชียลมีเดียที่มีอิทธิพลต่อการสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับชาว LGBTQAI+ บางครั้งก็ทำให้เกิดการถกเถียงในประเด็นที่น่าสนใจ ซึ่งนำไปสู่การทำความเข้าใจ และยอมรับชาว LGBTQAI+ ที่มากขึ้น อีกทั้งชาว LGBTQAI+ ก็ยังมีช่องทางใหม่ที่ใช้เปิดเผยตัวตนและแสดงออกอัตลักษณ์ของตนได้อย่างภาคภูมิใจด้วย 

นิกร คาดการณ์ว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีกลุ่มประชากรที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQAI+) ประมาณ 5 ล้านคน หรือคิดเป็น 8% ของประชากรทั้งหมด แสดงให้เห็นว่า ชาว LGBTQAI+ เป็นคนกลุ่มหนึ่งในสังคมที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสังคมไทย นี่จึงถือเป็นเรื่องปกติที่จะพบเห็นชาว LGBTQAI+ ทำงานร่วมกับคนกลุ่มต่าง ๆ ในสังคมไทยและในแวดวงธุรกิจอย่างเปิดเผย พวกเขาสามารถทำงานหรือประกอบธุรกิจได้เหมือนกับคนทั่วไปในสังคม และอาจเป็นส่วนหนึ่งของเบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจในแวดวงต่าง ๆ ด้วย

“ความสำเร็จในการประกอบอาชีพไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศใดเพศหนึ่ง แต่เกิดขึ้นจากรูปแบบของการทำงาน และการดำเนินธุรกิจที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้…” นิกร ฉิมคง ประธานองค์กรบางกอกเรนโบว์ กล่าว

แบรนด์เสื้อผ้า VZ by VIRIZAMARA ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของชาว LGBTQAI+ ในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์ได้ อารสา ชื่นจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร VZ by VIRIZAMARA เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแบรนด์ขึ้นมาก็ได้ทำงานร่วมกับชาว LGBTQAI+ มาโดยตลอด ไม่ว่าจะกระบวนการออกแบบชุด ผลิต และขายสินค้า ล้วนแต่ได้รับการสนับสนุนจากทีมงานที่เป็นชาว LGBTQAI+ ทั้งสิ้น เรียกได้ว่า ชาว LGBTQAI+ คือ กลุ่มคนผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์ VZ by VIRIZAMARA

อารสา เล่าว่า การทำงานกับชาว LGBTQAI+ นอกจากจะสร้างความสบายใจ และสนุกสนานให้กับทีมแล้ว พวกเขายังเป็นแรงบันดาลใจในการทำงานให้กับแบรนด์ VZ เพราะความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขอบเขต และความสามารถที่ล้นเหลือ ทำให้ผลงานที่ออกมามีความเป็นเอกลักษณ์ และโดดเด่น ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า

“ช่วงแรกที่ VZ ตัดสินใจลองไลฟ์สดเพื่อขายของ ก็ได้เหล่าน้อง ๆ LGBTQAI+ มาเป็นกำลังหลักในการช่วยขาย ลูกค้าเองก็ชื่นชอบ และสนุกสนานไปกับพวกเขา VZ เองก็ได้รับยอดขายเพิ่มมากขึ้น จนตัดสินใจยึดเอาช่องทางไลฟ์สดเป็นช่องทางหลักในการขายสินค้า และลดการขายทางหน้าร้านเหลือแค่ 1 สาขา แบรนด์ VZ คงไม่ประสบความสำเร็จมากเท่านี้หากไม่ได้รับพลังสนับสนุนจากชาว LGBTQAI+ และเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ ทั้งหมดนี้ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำธุรกิจของทางแบรนด์ไปจากเดิม” อารสา กล่าว

อีกหนึ่งแวดวงธุรกิจที่ถูกขับเคลื่อนด้วยชาว LGBTQAI+ มากเป็นลำดับต้น ๆ คงหนีไม่พ้นแวดวงบันเทิง แต่มากไปกว่าสื่อหลักอย่างช่องทางโทรทัศน์ สื่อรองอย่างวงการบันเทิงท้องถิ่นเองก็มีชาว LGBTQAI+ อยู่เบื้องหลังเป็นจำนวนไม่น้อย วงหมอลำเงินแสน แฟนอีสาน คือหนึ่งในธุรกิจที่แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ความหลากหลายทางเพศไม่ใช่ข้อจำกัดในการทำงานสำหรับชาว LGBTQAI+ เพราะสมาชิกของวงกว่า 70% ล้วนเป็นชาว LGBTQAI+ และทุกคนก็ต่างสามารถรับผิดชอบงานของตนเอง และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี

ศุภโชค ชัยศักดิ์มนตรีโชติ เจ้าของวงหมอลำเงินแสน แฟนอีสาน เปิดเผยว่า หากย้อนไปเมื่อ 5 ปีก่อนตอนเริ่มก่อตั้งวง ทางวงรับสมาชิกชาว LGBTQAI+ เพียง 20-30 คนมาเป็นสมาชิกเท่านั้น เหตุเพราะกลัวว่าความกระตุ้งกระติ้งของพวกเขาจะส่งผลกระทบต่อการทำงาน และผลตอบรับของผู้ชม แต่ภายหลังเมื่อลองเปิดโอกาสให้เหล่า LGBTQAI+ ได้ขึ้นแสดง กลับทำให้ความกังวลใจของเขาหายไป เพราะสมาชิกวงทุกคนต่างก็มีความมั่นใจ และความพยายามในการดึงพลังในตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ ไม่แพ้เพศอื่น ๆ 

ทัศนคติเชิงลบที่มีต่อชาว LGBTQAI+ ของศุภโชคเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เพราะความเข้าใจว่ากลุ่ม LGBTQAI+ เองก็เป็นมนุษย์ และมีทุกอย่างที่ไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไป แต่ก็ยังน่าแปลกใจว่าทำไมคนบางกลุ่มถึงไม่ยอมเปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้ได้ลองทำงานอีก

อารสา เล่าว่า การทำงานกับชาว LGBTQAI+ นอกจากจะสร้างความสบายใจ และสนุกสนานให้กับทีมแล้ว พวกเขายังเป็นแรงบันดาลใจในการทำงานให้กับแบรนด์ VZ เพราะความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขอบเขต และความสามารถที่ล้นเหลือ ทำให้ผลงานที่ออกมามีความเป็นเอกลักษณ์ และโดดเด่น ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า

“ช่วงแรกที่ VZ ตัดสินใจลองไลฟ์สดเพื่อขายของ ก็ได้เหล่าน้อง ๆ LGBTQAI+ มาเป็นกำลังหลักในการช่วยขาย ลูกค้าเองก็ชื่นชอบ และสนุกสนานไปกับพวกเขา VZ เองก็ได้รับยอดขายเพิ่มมากขึ้น จนตัดสินใจยึดเอาช่องทางไลฟ์สดเป็นช่องทางหลักในการขายสินค้า และลดการขายทางหน้าร้านเหลือแค่ 1 สาขา แบรนด์ VZ คงไม่ประสบความสำเร็จมากเท่านี้หากไม่ได้รับพลังสนับสนุนจากชาว LGBTQAI+ และเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ ทั้งหมดนี้ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำธุรกิจของทางแบรนด์ไปจากเดิม” อารสา กล่าว

“คนจะไม่ค่อยให้โอกาสเขา แถมบางคนก็ยังดูถูกพวกเขาด้วย แต่เชื่อผมเถอะ เปิดใจสักนิด ให้โอกาสพวกเขาร่วมงาน และตั้งใจทำงาน ความสามารถเขาเยอะนะ ลองให้โอกาสเขาดู”

สำหรับวงหมอลำเงินแสน แฟนอีสานเองได้เปิดโอกาสให้กับชาว LGBTQAI+ มาเป็นส่วนหนึ่งของวงมาโดยตลอด ซึ่งนอกจากการประกาศรับสมัครสมาชิกใหม่ผ่าน Facebook Fanpage แอคเคาท์ Facebook ส่วนตัว หรือ Instagram อยู่เป็นประจำ พวกเขาก็ทั้งยังใช้ช่องทางเหล่านี้ในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ติดต่องานกับเจ้าภาพ รวมถึงไลฟ์สดการแสดงไปให้คนทั่วโลกได้สนุกสนานกับการแสดงหมอลำแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย ศุภโชคบอกว่า ทางวงคิดมาโดยตลอดว่าถ้าไม่มีช่องทางเหล่านี้ ชาว LGBTQAI+ ที่ต้องการโอกาสในการทำงานคงไม่สามารถเชื่อมต่อกับวงของเราได้ ทางวงเองก็คงไม่สามารถเชื่อมต่อกับกลุ่มลูกค้า รวมถึงประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่าง ๆ ให้เป็นที่รู้จักได้มากเช่นนี้อย่างแน่นอน

นอกเหนือจากแบรนด์ VZ by VIRISAMARA และวงหมอลำเงินแสน แฟนอีสานจะเป็นธุรกิจที่โอบรับ และสนับสนุนชาว LGBTQAI+ ในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจแล้ว Thai LGBT connect ก็เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้แก่ชาว LGBTQAI+ ทั้งในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจ ผู้ร่วมลงทุน และผู้ใช้บริการด้วย

Thai LGBT connect คือ ธุรกิจบริการการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวชาว LGBTQAI+ เจ้าแรกของประเทศไทย และถือเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ LGBTQAI+ แรก ๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากทางภาครัฐ ภายใต้แนวคิด ‘Travel & Community’ ที่มีความมุ่งหมายที่จะเชื่อมต่อ แลกเปลี่ยน และสร้างภาพลักษณ์ในเชิงบวกให้แก่ชุมชน LGBTQAI+ และนำเสนอภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศสู่สายตาคนทั่วโลก

ศกุณภัทร มโนกนกพานิช ผู้ก่อตั้ง Thai LGBT connect เล่าให้ฟังว่า ตอนแรกที่ได้ยื่นโครงการไปประกวดกับทางภาครัฐก็ได้รับคำถามมากมายจากทั้งผู้เข้าแข่งขัน คณะกรรมการ รวมถึงคนใกล้ตัวเองว่า ธุรกิจท่องเที่ยวสำหรับชาว LGBTQAI+ ที่เราจะพยายามนำเสนอมันคือการบริการการท่องเที่ยวในเชิงลบหรือเปล่า? เป็นการสนับสนุนการค้าบริการทางเพศหรือไม่? และจะให้บริการแก่ชาว LGBTQAI+ หรือ? ศกุณภัทรบอกว่า เขาเคยรู้สึกน้อยใจ ว่าทำไมคนในสังคมถึงมีอคติกับชาว LGBTQAI+ มากขนาดนี้

แต่หลังจากต่อสู้ และอธิบายหลักการของธุรกิจให้คนที่ไม่เข้าใจมาอย่างยาวนาน ในที่สุด ไอเดียและวิธีคิดของศกุณภัทรกลับเปลี่ยนไป จากที่เคยมองว่าความไม่รู้ไม่เข้าใจเหล่านั้น คือ อคติที่มีต่อ LGBTQAI+ เขากลับมองว่ามันคือ โอกาสที่จะได้อธิบาย และสร้างภาพลักษณ์ในเชิงบวกให้กับพวกเขาแทน เขาอยากสื่อสารให้ทุกคนเข้าใจว่า ชาว LGBTQAI+ ก็ท่องเที่ยวเหมือนกับคนทั่วไป และไม่ได้ต้องการอะไรเป็นพิเศษ แต่ธุรกิจของเราก็ยินดีตอนรับคนทุกเพศให้มามีความสุขกับการท่องเที่ยวแบบ ‘Travel & Community’ ของเรา

นอกจากจะให้บริการกับผู้ใช้บริการทุกเพศแล้ว Thai LGBT connect ยังโอบรับความแตกต่างของกลุ่มคนเพศต่าง ๆ ให้เข้ามาเป็นผู้ร่วมลงทุน และบุคคลกรในองค์กรด้วย เขาบอกว่าความหลากหลายในที่ทำงานเองก็ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจมีความพิเศษ และครอบคลุมทุกมิติมากยิ่งขึ้น สามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้บริการที่หลากหลาย  อีกทั้งยังทำให้กลุ่มคนทุกเพศเกิดความภาคภูมิใจในตัวเองได้โดยไม่ต้องปกปิดตัวตนด้วย

นอกจากชาว LGBTQAI+ จะมีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจของ Thai LGBT connect แล้ว เทคโนโลยี และโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ เพราะตั้งแต่ได้นำสิ่งเหล่านี้มาใช้ในการทำธุรกิจก็ได้เปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจของ Thai LGBT connect ไปจากเดิม 

จากที่เคยทำบริการการท่องเที่ยวแบบ B to B (business to business) ที่ต้องติดต่อกับคู่ค้ารายต่าง ๆ และกลายมาเป็นการให้บริการการท่องเที่ยวแบบ B to C (business to customer) ที่ทางบริษัทสามารถเชื่อมต่อกับผู้ใช้บริการได้โดยตรง ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียที่ทำให้ผู้รับบริการชาว LGBTQAI+ สามารถเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการที่พร้อมเป็นสถานที่ปลอดภัยให้กับพวกเขาง่ายยิ่งขึ้น

จากเรื่องราวของชาว LGBTQAI+ ในวงการธุรกิจ ไม่ว่าในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ผู้บริหารธุรกิจ หรือผู้ใช้บริการ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า ความหลากหลายถือเป็นส่วนสำคัญต่อทุก ๆ แวดวงธุรกิจ เพราะมันทำให้ทั้งสินค้า บริการ รวมถึงการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการนำเทคโนโลยี และสื่อโซเชียลมีเดียเข้ามาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจ ก็จะยิ่งเพิ่มประสิทธิผลของการทำธุรกิจมากขึ้นไปด้วย

ดังนั้น การเปิดใจยอมรับในความแตกต่างหลากหลายทางเพศจากทั้งทางภาครัฐ และเอกชนจึงถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ชีวิตของชาว LGBTQAI+ ในแวดวงธุรกิจ สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างมีความหวัง และยังทำให้เกิดการส่งต่อวิถีปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมแก่คนในสังคม

สำหรับประเทศไทยในปีนี้เองก็ได้เกิดหลายเหตุการณ์ที่ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีของชาว LGBTQAI+ ไม่ว่าจะเป็นการเกิดขบวนไพรด์พาเหรดขึ้นอย่างเป็นทางการครั้งแรก รวมถึงการที่ผลการโหวตร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ผ่านวาระแรกไปเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา นี่ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะสร้างความเท่าเทียมให้แก่ชาว LGBTQAI+ ทั้งในด้านกฏหมาย การใช้ชีวิตคู่ รวมถึงการยอมรับในความหลากหลายของผู้คนในสังคม  

“นโยบาย หรือกฏหมายของทางภาครัฐมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการยอมรับชาว LGBTQAI+ ของคนในสังคม เพราะถ้ามีกฏหมายมาบังคับ หรือกำหนดวิถีปฏิบัติต่าง ๆ ในองค์กรภาครัฐ และสังคม ก็จะทำให้เกิดการส่งต่อวิถีปฏิบัติที่ชัดเจน และเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อชาว LGBTQAI+ โดยตรง เนื่องจากนโยบายต่าง ๆ ของทางภาครัฐจะสามารถรองรับชาว LGBTQAI+ ครอบคลุมทั้งในด้านการทำนิติกรรม สัญญา หรือการใช้ชีวิต รวมถึงยังทำให้การยอมรับในความแตกต่างหลากหลายทางเพศมีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นด้วย” – นิกร ฉิมคง ประธานองค์กรบางกอกเรนโบว์

เส้นทางสู่ความเท่าเทียมของชาว LGBTQAI+ ในสังคมไทยจะเป็นอย่างไรต่อ เราทุกคนคงต้องร่วมด้วยช่วยกันสนับสนุน และผลักดันให้การยอมรับในชาว LGBTQAI+ เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง ท้ายนี้เนื่องในเดือนแห่งความภาคภูมิใจในความหลากหลายทางเพศ workpointTODAY และ Meta ขอร่วมเฉลิมฉลองให้แก่ความแตกต่างหลากหลาย และพร้อมที่จะสนับสนุนผลักดันให้เกิดความเท่าเทียมให้กับทุกความหลากหลายของคนทั่วโลก รวมถึงขอให้ทุกคนภาคภูมิใจในตัวเองในทุก ๆ วัน เพราะความแตกต่างหลากหลายของมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้โลกใบนี้งดงาม 

“Pride มันไม่ใช่เรื่องความภูมิใจสำหรับชาว LGBTQAI+ เท่านั้น แต่ทุก ๆ คนก็สามารถภูมิใจในการเป็นตัวเองได้เช่นกัน” – ศกุณภัทร มโนกนกพานิช ผู้ก่อตั้ง Thai LGBT connect กล่าว

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า