ผอ.CIA ประเมินรัสเซียเสียกำลังพลไปราว 15,000 นาย ในสงครามยูเครน

ผอ.ข่าวกรองสหรัฐฯ ประเมินรัสเซียสูญเสียกำลังพลราว 15,000 นาย ตั้งแต่เริ่มเปิดฉากสงครามในยูเครน

วิลเลียม เบิร์นส์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) เปิดเผยว่า ความพยายามของรัสเซียในการเข้ายึดครองยูเครนตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา ได้สร้างความสูญเสียอย่างมากสำหรับทั้งสองประเทศ

“จากการประมาณการของ CIA คาดว่า กำลังพลของรัสเซียเสียชีวิตในการทำสงครามกับยูเครนไปแล้วราว 15,000 นาย ส่วนจำนวนผู้บาดเจ็บอาจมากกว่านั้นถึง 3 เท่า นี่เป็นความสูญเสียที่สำคัญมากจริงๆ” เบิร์นส์ระบุ พร้อมอธิบายต่อว่า ขณะที่ยูเครนเองก็ต้องเผชิญกับความสูญเสียเช่นเดียวกัน แต่อาจจะน้อยกว่ารัสเซียอยู่เล็กน้อย แต่ก็อย่างที่ทราบดีว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ความสูญเสียที่แท้จริงยังคงไม่สามารถยืนยันได้อย่างแน่ชัด เนื่องจากรัสเซียถือว่าการสูญเสียทางการทหารเป็นความลับ และมักจะไม่เปิดตัวเลขความสูญเสียออกมาอย่างเป็นทางการ แม้ในช่วงเวลาที่ประเทศไม่ได้มีสงคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่อยู่ในสถานการณ์สงคราม จำนวนทหารที่เสียชีวิตยิ่งไม่มีการเปิดเผยออกมาต่อสาธารณชน มีเพียงแค่ครั้งเดียวที่มีการเปิดเผยเมื่อวันที่ 25 มี.ค. ว่า มีทหารเสียชีวิตในสงครามยูเครนไป 1,351 ราย

ทางด้านยูเครนได้ออกมาอ้างเมื่อเดือน เม.ย. ว่า กองทัพยูเครนได้สังหารทหารรัสเซียไปแล้วกว่า 20,000 นายนับตั้งแต่ที่สงครามเริ่มปะทุขึ้น และในการเปิดเผยล่าสุดเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ก็มีการระบุว่าทหารยูเครนถูกสังหารในสงครามมากถึง 100-200 นายในแต่ละวัน

ขณะเดียวกัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้วสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ได้ออกมาระบุว่า มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 5,024 ราย และได้รับบาดเจ็บ 6,520 ราย จากการที่รัสเซียส่งกองทัพเข้ารุกรานยูเครน

ผอ.CIA กล่าวถึงสภาพร่างกายและจิตใจของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวลือออกมามากมายเกี่ยวกับสภาวะทางสุขภาพของเขา โดยระบุว่า “เท่าที่เราบอกตอนนี้คือเขายังดูแข็งแรงมาก แต่ที่ผมพูดนี้ไม่ใช่การประเมินอย่างเป็นทางการของหน่วยสืบราชการลับ”

เบิร์นส์อธิบายว่า รัสเซียได้บทเรียนมาจากความล้มเหลวในการบุกยึดกรุงเคียฟช่วงเริ่มทำสงคราม ทำให้พวกเขาปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ไปมุ่งโจมตีพื้นที่อุตสาหกรรมในภาคตะวันออกของยูเครน และตอนนี้พวกเขาก็เริ่มปรับวิถีการทำสงครามในรูปแบบใหม่ ด้วยการใช้อาวุธโจมตีจากระยะไกลเพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียและชดเชยจุดอ่อนเรื่องกำลังพลที่ลดลงไปมาก