สธ.ยืนยันโอไมครอน BA.4 และ BA.5 แพร่ระบาดเร็วรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์เดิม หลบภูมิคุ้มกันเก่ง จับในเซลล์ปอดได้เพิ่มขึ้น
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงถึงการเฝ้าระวังโอไมครอน BA.2.75 และการติดตามภูมิคุ้มกันต่อคนที่ได้รับวัคซีนเข็ม 3 ต่อ BA.5 ว่าจากการวิเคราะห์ติดตามสายพันธุ์พบ โอไมครอน BA.4 และ BA.5 แพร่ระบาดแซงหน้าสายพันธุ์ BA.2 ไปแล้ว
จากการวิเคราะห์ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน 468 ราย พบเป็น BA.4 และ BA.5 จำนวน 320 คน เป็น BA.2 จำนวน 143 คน และ BA.1 จำนวน 5 คน หากดูแนวโน้มการพบ BA.4 และ BA.5 จะมาจากต่างประเทศ 86% และติดเชื้อในประเทศ 67%
นอกจากนี้ยังพบว่าการแพร่ระบาดของ BA.4 และ BA.5 กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ ถึง 80% ในส่วนของต่างจังหวัดประมาณ 60% เป็น BA.5 ในสัดส่วน 3 ต่อ 1 หรือคิดเป็น 75% ขณะที่ BA.4 คิดเป็น 25% การแพร่กระจายเชื้อ BA.5 พบที่เชียงใหม่สูงสุด รองลงมาคือกรุงเทพฯ
- BA.4 และ BA.5 หลบภูมิคุ้มกัน จับในเซลล์ปอดของมนุษย์มากขึ้น
สำหรับการเปรียบเทียบความรุนแรง นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 16-22 ก.ค. 2565 กรุงเทพฯ พบการติดเชื้อที่ไม่มีความรุนแรง 77% แต่ในส่วนที่มีอาการรุนแรงทำให้ปอดบวม ต้องใส่ท่อช่วยหายใจสูงถึง 84% ขณะที่ในต่างจังหวัดผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง 55% และมีอาการรุนแรง 73%
ฉะนั้น จึงอนุมานได้ว่า BA.4 และ BA.5 น่าจะทำให้มีอาการรุนแรงมากขึ้น และเมื่อมีการตรวจสอบย้อนหลังไปอีก 2 สัปดาห์พบว่า BA.4 และ BA.5 มีการกลายพันธุ์แตกต่างกับ BA.2.75 ที่กลายพันธุ์ในตำแหน่ง 446 และ 493 ทำให้จับในเซลล์ปอดของมนุษย์ได้มากขึ้น หลบภูมิคุ้มกันเก่งขึ้น สำหรับประเทศไทยพบผู้ป่วยติดเชื้อ BA.2.75 เพียง 1 คน และทั่วโลกพบ 538 คน ซึ่งต้องมีการจับตาเฝ้าระวังต่อไป
ส่วนการสำรวจภูมิคุ้มกันในผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็ม 3 กับ BA.5 ในเลือดที่ห้องปฏิบัติการระดับ 3 พบว่า วัคซีนในทุกสูตรระดับภูมิคุ้มกันลด แต่การรับวัคซีนเข็มกระตุ้นยังช่วยให้ป้องกันโรคได้อยู่ ดังนั้นผู้ที่ฉีดเข็ม 3 นานแล้วก็ควรไปรับเข็ม 4 เพื่อป้องกันความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น