รู้จัก Tops CLUB โมเดลค้าปลีกระบบสมาชิก กลยุทธ์เสริม ‘ท็อปส์’ เบอร์ 1 ฟู้ดรีเทลไทย-เวียดนาม

ถือเป็นอีกหนึ่งมูฟเมนต์ครั้งใหญ่ในวงการค้าปลีกที่น่าจับตาไม่น้อยเลยทีเดียว หลัง ‘เซ็นทรัล รีเทล’ เจ้าของร้านค้าปลีกมากมายในไทย ไม่ว่าจะเป็น ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ เดลี่, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, และ แฟมิลี่มาร์ท ประกาศสร้างเมกะโปรเจ็กต์ใหม่ พร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่แบบสับ โดยมีชื่อโปรเจ็กต์ว่า ‘Tops CLUB’

‘สเตฟาน คูม’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล บอกว่า จากการเปิดให้บริการร้านหลายรูปแบบ มีสินค้าครบครัน มีช่องทางออมนิแชแนลที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกช่วงเวลา

ทำให้ ‘ท็อปส์’ นับเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในไทย ซึ่งเซ็นทรัล รีเทลได้ต่อยอดความสำเร็จให้แบรนด์ด้วยการนำ ‘ท็อปส์ มาร์เก็ต’ ขยายไปในเวียดนาม

ด้วยเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ธุรกิจฟู้ดรีเทลในไทยและเวียดนามอย่างเต็มภาคภูมิ ทำให้เซ็นทรัล รีเทล ไม่หยุดการพัฒนา และมองหาโอกาสในการเติบโตเสมอ นำมาสู่การเปิดเมกะโปรเจ็กต์ใหม่อย่าง Tops CLUB

แล้ว Tops CLUB ที่ว่าเป็นอย่างไร หน้าตาเป็นแบบไหน แตกต่างจากท็อปส์ในแบบที่ผ่านมาอย่างไร ลองมาดูกัน

เซ็นทรัล รีเทล ระบุว่า ‘Tops CLUB’ เป็นอาณาจักรที่รวบรวมสินค้านำเข้า และสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ดังจากทั่วโลก ที่ส่วนใหญ่หาซื้อไม่ได้จากร้านท็อปส์ทั่วไป มีขายใน Tops CLUB เท่านั้น

โดยมีสินค้ามากกว่า 3,500 รายการ มากกว่า 70% เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ เช่น จากสหรัฐอเมริกา แบรนด์ KIRKLAND Signature, MAINSTAYS, Member’s Mark จากออสเตรเลีย แบรนด์ DJ&A, SMITH’S จากนิวซีแลนด์ แบรนด์ Killinchy Gold เป็นต้น ซึ่งหาซื้อได้เฉพาะที่นี่ที่เดียว

มีครบทุกกลุ่มสินค้า ได้แก่ อาหารสด, อาหารแห้ง, ขนมขบเคี้ยว, ของใช้ภายในบ้าน, ของตกแต่งบ้าน, ของเล่น, อุปกรณ์สนาม-แค้มป์ปิ้ง และอุปกรณ์กีฬา ฯลฯ

โดยร้าน Tops CLUB จะมีสาขาแฟล็กชิปสโตร์ในย่านพระราม 2 ซึ่งพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการปลายเดือนก.ย.นี้ ส่วนตอนนี้มีช่องทางซื้อบนแอปพลิเคชั่น Tops CLUB (จัดส่งฟรีจนถึง 31 ธ.ค. 65) และช่องทางป๊อปอัพสโตร์ ที่เซ็นทรัล พระราม 2 (22 ก.ค.-21 ส.ค.65), เซ็นทรัล เวิลด์ (26 ก.ค.-4 ส.ค.65), เมกา บางนา (2-31 ส.ค.65) และ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี (16-30 ส.ค.65)

แต่สิ่งที่แตกต่างและเป็นโมเดลใหม่ของเครือ คือ Tops CLUB ให้บริการสำหรับสมาชิกเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการช้อปบนแอปพลิเคชั่นหรือที่หน้าร้าน ซึ่งในช่วงแรกมีโปรโมชั่นสมัครสมาชิกในราคา 799 บาท/ปี จากปกติ 999 บาท/ปี

โดยสิ่งที่สมาชิกจะได้รับ คือการได้ซื้อสินค้าใน Tops CLUB ในราคาสุดพิเศษ

เซ็นทรัล รีเทล บอกว่า Tops CLUB เป็นโมเดลที่ออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง  ที่ชื่นชอบสินค้านำเข้า คุณภาพดี ในราคาสุดพิเศษที่หาไม่ได้จากที่ไหน (Exclusive membership price) นั่นเอง

และการเปิด Tops CLUB นี้ก็เป็นส่วนหนึ่งจาก 4 กลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตให้ท็อปส์ ตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีของบริษัท หรือ CRC Retailligence ที่ประกาศทุ่มงบลงทุน 18,000 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้โต 3 เท่า เปิดสาขาครบ 1,700 แห่ง

ซึ่ง 4 กลยุทธ์ที่ว่าประกอบไปด้วย

1.ผู้นำร้านค้าปลีกซูเปอร์มาร์เก็ตทุกฟอร์แมต  ทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต และคอนวีเนียนสโตร์ ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกเซ็กเมนต์

2.ซูเปอร์มาร์เก็ตแพลตฟอร์มออมนิแชแนลที่สมบูรณ์แบบที่สุดของไทยภายใต้คอนเซปต์ WHENEVER, WHEREVER อย่างเช่น ‘Tops Online’ ที่อำนวยความสะดวกลูกค้าทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสั่ง การซื้อ และการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน

โดยมีทีมงานเลือกสรรสินค้าที่ดีที่สุด พร้อมด้วยทีม Professional Picker ให้ลูกค้าสามารถระบุทุกความต้องการในการสั่งซื้อ

อีกทั้งเพิ่มประสบการณ์ชอปปิงและอำนวยความสะดวกให้ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ และความต้องการเฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วย ‘บริการผู้ช่วยช้อปส่วนตัว’ (Personal Shopper) ที่ลูกค้าสามารถช้อปแบบเรียลไทม์ ทั้งโทร แชต และวิดีโอคอล

ซึ่ง ‘ท็อปส์’ ถือเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตรายแรกและรายเดียวที่สามารถส่งมอบประสบการณ์ชอปปิ้งแบบคู่ขนานผสานช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ได้

3.One Stop Shopping ‘ท็อปส์’ รวมความครบครันสินค้าดีที่สุด มากที่สุดจากทั่วโลกมีจำหน่ายก่อนใคร ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ท็อปส์เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านสินค้าอาหาร

4.ผู้นำองค์กรขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืนในไทยและเวียดนาม โดยบริษัทให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนองค์กรผ่านเศรษฐกิจฐานรากภายในประเทศ ด้วยการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรโดยตรง เปิดพื้นที่ให้เกษตรกรนำสินค้ามาจำหน่ายส่งตรงถึงมือผู้บริโภคในตลาด ‘จริงใจ FARMERS’ MARKET’

และยังมอบโอกาสเติบโตทางธุรกิจให้กับ SME ทั่วประเทศ ผ่านแพลตฟอร์ม ‘ท็อปส์ ท้องถิ่น’ รวมไปถึงการจับมือกับผู้ค้ารายย่อย เพื่อสร้างการเติบโตไปพร้อมกัน พร้อมเชื่อมความสัมพันธ์ที่พึ่งพากันของผู้ผลิตสินค้า โดยนำเข้าและส่งออกสินค้าเพื่อจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตทั้งที่ไทย และเวียดนาม

นอกจากนั้นยังมีการจัด Business Matching เพื่อให้ผู้ประกอบการ SME ของทั้งสองประเทศได้มีโอกาสเจรจาธุรกิจร่วมกัน รวมไปถึงการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อโปรโมตสินค้าและผลผลิตทางการเกษตรทั้งที่ ท็อปส์ มาร์เก็ต ในเวียดนามและไทย

‘สเตฟาน’ กล่าวทิ้งท้ายว่า จากกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจทั้งหมด เชื่อมั่นว่า ‘ท็อปส์’ จะเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงใจของผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมาย ฉีกกฎซูเปอร์มาร์เก็ตในรูปแบบเดิมๆ เติบโตอย่างมั่นคง แข็งแกร่ง และยั่งยืน เคียงข้างสังคมไทย พร้อมทั้งนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ทันสมัยในการให้บริการ เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภค