“เป็นนายกฯ ไม่ได้สบายนักหรอก” พล.อ.ประยุทธ์ ขอประชาชนอดทนของแพง เชื่ออีกไม่นานจะดีขึ้น

นายกฯ ขอประชาชนอดทน ‘ของแพง’ เชื่ออีกไม่นานจะดีขึ้น ขณะที่ นักเรียนใน จ.กาญจนบุรี หลั่งน้ำตาดีใจได้กอดนายกฯ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการ ที่ จ.กาญจนบุรี โดยระหว่างตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตร โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านทุ่งคูน อ.ห้วยกระเจา ได้ตอบถามจากประชาชนที่มาร่วมในงาน ถึงราคาน้ำมันแพง ของแพงว่า

เรื่องน้ำมันแพงก็คือปัญหาแหละนะ คือก็ไม่อยากจะแก้ตัวอย่างอื่น น้ำมันแพงต้องดูว่าน้ำมันมาจากไหน ไม่ว่าจะซื้อจากไหน ต้องเข้าสู่ราคากลางทั้งหมด เพราะน้ำมันดิบขายในตลาดโลก มีค่าขนส่ง ไม่ใช่ราคาต้นทุนเท่านี้ แล้วจะขายเท่านี้ หรือลดราคาได้ มันถูกควบคุมทั้งหมด นี่คือกลไกของโลก เรื่องพลังงาน ซึ่งสำคัญตอนนี้รัฐบาลหาเงินมาอุดตรงนี้ วันนี้ 40 กว่าบาท 45 40 มาตลอด ที่ผ่านมาเราคงให้มากที่สุด นานที่สุดคือ 35 วันนี้ก็ถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้าน แต่อย่าเทียบกับเมียนมา มาเลเซีย เขามีการบริหารจัดการคนละแบบ แหล่งพลังงานมากกว่า และเราต้องซื้อทั้งแก๊สทั้งน้ำมันจากเขา ถ้าเราดูแลตรงนี้ ขึ้นไป 40 บาทแล้ว เราก็พยายามหาวิธีช่วยเหลือที่เหมาะสม ถ้าลดได้ขนาดนั้นก็คงดี แต่สถานการณ์ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ ถ้ายังรบกันแบบนี้แต่ละกลุ่มก็ไม่ยอมลดราคากันเลย มันมีผลกระทบไปถึงต้นทุนการผลิต ต้นทุนอาหาร ก็พยายามเบรกให้ได้มากที่สุด ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์วันนี้เราใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ แสนกว่าล้านบาท ที่คงให้ดีเซล อยู่ที่ลิตรละ 35 บาท  ซึ่งต้องหาเงินอีก ช่วงนี้รัฐบาลยังพอดูแลได้ เพราะมีการเปิดประเทศ เห็นใจจะพยายามทำให้ดีที่สุด

ส่วนเรื่องของแพง พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ก็ของแพงก็แพง ต้องรู้ว่ามันแพง ก็เห็นใจเนาะ ต้องเข้าใจว่ารัฐบาลต้องบริหารตรงกลาง ระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภค หลายอย่างอึดอัด ต้นทุนเขาสูง ก็ต้องไปตรวจสอบว่าสูงจริงหรือไม่ สูงแค่ไหน ควรปรับขึ้นราคาสินค้าหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลควบคุมกว่า 100 เกือบ 200 รายการ มันเป็นห่วงโซ่ ถ้าเราบีบมากๆ โรงงานปิดแน่นอน ไปไม่ได้ ตนไม่ได้เอาใจเขา ถ้าปิดหมดแล้วเราจะเอาอะไรกินก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาต้องคิดราคาให้เป็นธรรมเหมือนกัน ต้องมองภาพใหญ่ มองสองทางเสมอ เปิดหลักคิดใหม่ เหมือนเรามีพี่น้องลูกหลานหลายคน เราจะดูแลแต่ละคนอย่างไร  ให้ลูกทุกคนพอใจ ไม่ขัดแย้งกัน รัฐบาลก็ทำอย่างนี้ ไม่ทำให้ล้ม เพราะถ้าผู้ประกอบล้ม อย่างอื่นก็จะตามไปหมด ย้ำไม่ได้ตามใจใครอยู่แล้ว มีคณะกรรมการดูกันเต็มที่

“เอาน่า ผมคิดว่าเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น อยู่ที่เราจะใช้ชีวิตกันอย่างไรในช่วงนี้ มันก็จะลำบากหน่อย อดทนหน่อยก็แล้วกัน ผมก็อดทนนะ ผมก็ไม่ได้ใช้จ่ายอะไรที่มันฟุ่มเฟือยอะไรเลยนะ กินก็ปกติธรรมดากับเขาอะไรกับเขา เที่ยวเตร่ก็ไม่ได้ไปไหน เป็นนายกฯ มันไปไหนก็ไม่ได้อยู่แล้ว ไปลำบาก ลูกน้องก็ห่วงอะไรทำนองเนี่ย ผมไม่เคยไปไหนมา 10 ปีแล้วนะ ทำงานกลับบ้านๆ ตรวจเยี่ยม ประชุม หมดละชีวิตผมอะ ไม่บ่นอะ บ่นไม่บ่น บ่นแล้วเดี๋ยวคนไล่ออกอีก เล่าให้ฟังๆ ว่าเป็นนายกฯ ไม่สบายนักหรอก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่ง

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ต.ดอนเจดีย์ อ.พนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีข้าราชการท้องถิ่น นักเรียนและประชาชน ต้อนรับ ซึ่ง นายกฯ ได้เดินทักทายประชาชน ที่ได้ส่งเสียงให้กำลังใจ”รักลุงตู่ ลุงตู่สู้ ๆ” และได้มีนายไชยพงค์ แสนดี อายุ 80 ปี เป็นหมอช้าง ที่ อ.ไทรโยค นำผ้าขาวม้า และหินตาหินยายมามอบให้นายกฯ ซึ่งเชื่อกันว่า เป็นหินศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้ผู้ได้รับมีจิตใจหนักแน่นใครจะว่ากล่าวอย่างไรก็ไม่โกรธ และอวยพรขอให้นายกฯ “มีความหนักแน่นเหมือนหิน สร้างความหนักแน่นสามัคคีเพื่อประเทศชาติและคนไทย”

นายกฯ ยังได้ถ่ายรูปกับนักเรียนจากโรงเรียนวัดดอนเจดีย์ โดยนักเรียนได้ให้นายกฯ เซ็นชื่อให้ที่เสื้อยืดที่เตรียมมา โดยมีเด็กนักเรียนคนหนึ่งขอกอดนายกฯ เพราะชื่นชอบนายกฯ และถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจได้กอดนายกฯ ขณะที่ นายกฯ ได้พูดคุยกับเด็กนักเรียนขอให้ตั้งใจเรียนหนังสือให้จบ และตั้งเป้าสิ่งที่ต้องการไว้ ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จเพื่อช่วยดูแลครอบครัวและพ่อแม่ และเตือนเด็กหากปู่ย่าตายายดุหรือว่ากล่าวอะไร ก็เพราะความหวังดี

ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตรวจติดตามความคืบหน้าการจัดระเบียบเรือนแพและปรับปรุงภูมิทัศน์ บริเวณ สองริมฝั่งแม่น้ำแคว ที่บริเวณสกายวอร์ค (Sky Walk) กระจก ริมฝั่งแม่น้ำแควด้วย

ภาพจาก : ทำเนียบรัฐบาล