กทม.แถลงความคืบหน้าสั่งปิดสถานบันเทิง 83 แห่ง ย้ำถ้าไม่แก้ไขก็ให้เปิดไม่ได้เพราะมันเสี่ยงตั้งแต่ต้นไม่ได้ 

กทม.แถลงความคืบหน้าสั่งปิดสถานบันเทิง 83 แห่ง ย้ำ ถ้าไม่แก้ไขก็ให้เปิดไม่ได้ เพราะมันเสี่ยงตั้งแต่ต้นไม่ได้ 

นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รองผู้ว่าฯ ทวิดา กมลเวชช และ นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร แถลงความคืบหน้าการสั่งปิดสถานบันเทิง 83 แห่ง จากกว่า 400 แห่งในกรุงเทพมหานคร 

นายวิศณุ  กล่าวว่าเมื่อเดือนที่แล้ว หลังนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.ว่ามีคำสั่งให้มีการตรวจสอบความปลอดภัยของสถานบันเทิง ทาง กทม.ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่ามีสถานบันเทิง 494 แห่ง ตรวจพบว่ามี 83 แห่งที่ไม่ถูกต้อง จึงมีการสั่งปิดบริการเพื่อให้ปรับปรุง ซึ่งถ้าไม่ผ่านมาตรฐานก็จะไม่อนุญาตให้เปิด

ด้านรองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวว่าตามนโยบายผู้ว่าฯ กทม. ตั้งแต่เราเริ่มเข้ามามีเหตุไฟไหม้อยู่บ้าง เหตุที่เราเริ่มกวดขัน เพราะ สถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย มีการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น สถานประกอบการเริ่มเปิดมากขึ้น  ซึ่ง กทม. มีการตรวจสอบในส่วนของ พ.ร.บ.ควบคุมอาคารทั้งหมด และลักษณะการใช้พื้นที่

“สถานบันเทิง 83 แห่งที่เราตั้งข้อสงสัยว่าไม่ตรงมาตรฐานตามที่ควรจะเป็น ต้องมีช่วงเวลาที่ปรับปรุง บางรายเราเตือนด้วยวาจาเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่สามารถปรับปรุงได้โดยเร็ว บางรายที่เห็นว่าผิดแน่ๆ และไม่สามารถปรับปรุงได้ในเวลาอันรวดเร็วก็ต้องสั่งปิดเพราะฉะนั้นเขาก็ต้องแก้ไข ถ้าไม่แก้ไขเราก็ให้เปิดไม่ได้ มันเสี่ยงตั้งแต่ต้นไม่ได้ สำหรับสถานประกอบการลักษณะนี้”  รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าว

รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวต่อว่า  สำหรับการเข้าตรวจสอบนั้น ก่อนเราเข้ามา ทาง กทม.ใช้ ศบค. กทม. ในการตรวจสถานประกอบการอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาอาจมุ่งเน้นเรื่องการตรวจโรค  การแพร่เชื้อหรือคลัสเตอร์  แต่พอเราข้ามา ผู้ว่าฯ มอบหมายให้ตรวจเรื่องความปลอดภัยด้วย  สำนักเทศกิจและสำนักงานเขตต้องรายงานเราทุกอาทิตย์ว่ามีสถานประกอบการที่ตั้งข้อสงสัยว่ามีการประกอบการที่ไม่ปลอดภัยทั้งเรื่องโรคและการประกอบการที่ไม่ตรง หรือจุดไหนที่คิดว่าจะมีความเสี่ยง ซึ่งต้องมีการตรวจทุกอาทิตย์ โดยสามารถตรวจไปพร้อมๆกันทั้ง 2 มุมได้ 

อีกส่วนหนึ่ง สำนักงานเขตต้องมีแผนการตรวจเรื่องความปลอดภัยของเขตอยู่แล้ว นอกจากการตรวจของสำนักการโยธา การตรวจเรื่องโครงสร้าง การตรวจโดยใช้ตามมาตรฐานทุกอย่าง และยังมีการตรวจร่วมกับสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ว่ามีความเสี่ยงหรือไม่ เช่น ใกล้สายไฟหรืออยู่ใกล้กับหม้อแปลง หรือมีการรายงานอะไรมากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ยังมีในส่วนที่สำนักงานเขตไปตรวจเองด้วยนอกจากรอบการตรวจ 7 วันเช่นถ้ามีเรื่องร้องเรียนเข้ามา ก็จะมีการลงไปตรวจ

ทั้งนี้ กทม.พยายามตรวจให้ครบทุกที่ที่มีข้อสงสัย และร่วมกับหน่วยงานอื่นๆด้วย เช่น ตำรวจ หรือหน่วยงานอื่นที่เป็นกองตรวจพิเศษ เพื่อให้รอบคอบและรัดกุมมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญที่สุดให้สถานประกอบการ สื่อสารให้ชัดเจนว่าทางออกอยู่ตรงไหนบ้าง วัสดุอยู่ตรงไหนบ้าง เพราะเวลาที่เกิดเหตุจะมีความสับสนได้ ผู้ประกอบการต้องสื่อสารให้ทราบ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย 

นายขจิต กล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบนั้นตรวจทุกเรื่องตั้งแต่ประตูทางเข้าไปจนถึงประตูทางออก ส่วนใหญ่ที่พบว่ามีปัญหา คือไม่มีการติดตั้งเครื่องตรวจจับควันและความร้อน ถังดับเพลิงไม่มีหรือมีไม่ครบ รวมถึงประตูทางหนีไฟที่ทนไฟ  แสงสว่างระหว่างเดินหนีไฟ ไฟสำรอง โดยจะมีการตรวจทั้งกลางวันเพื่อให้เห็นชัดเจนและตอนประกอบกิจการ และยังมีการกำชับว่าห้ามเปิดเกินเวลาที่กำหนดไว้