ทูตพิเศษ UN เยือนเมียนมาจับตาได้เข้าพบ ‘มิน อ่อง หล่าย’ ถกแนวทางยุติความรุนแรง

ทูตพิเศษขององค์การสหประชาชาติ (UN) เดินทางเยือนเมียนมา คาดได้เข้าพบ พล.อ. มิน อ่อง หล่าย และผู้นำระดับสูงในรัฐบาลทหาร 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ดร.โนลีน เฮย์เซอร์ ผู้แทนพิเศษด้านกิจการเมียนมาของเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (UN) เดินทางเยือนกรุงเนปิดอว์ของเมียนมา เมื่อวันอังคาร (16 ส.ค.) นับเป็นการเยือนเมียนมาครั้งแรกของเฮย์เซอร์ ท่ามกลางความวุ่นวายทางการเมืองภายในประเทศ และความสัมพันธ์ตึงเครียดกับประเทศเพื่อนบ้าน

การเดินทางเยือนเมียนมาของผู้แทนพิเศษฯ UN มีขึ้นหลังจากที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมายุติความรุนแรงทุกรูปแบบ และเปิดรับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยปราศจากข้อจำกัดใดๆ และมีขึ้นเพียงวันเดียวหลังศาลทหารเมียนมาตัดสินโทษจำคุกนางอองซาน ซูจี ผู้นำพลเรือนที่ถูกขับลงจากอำนาจจากการก่อรัฐประหารโดยกองทัพ เพิ่มอีก 6 ปี ในข้อหาทุจริต 

UN ระบุในแถลงการณ์ซึ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อต้นสัปดาห์ว่า ระหว่างการเยือนเมียนมา คาดว่า ดร.เฮย์เซอร์ จะได้พบกับ พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา และรัฐมนตรีอาวุโสในรัฐบาลอีกหลายคน โดยการหารือระหว่างผู้แทนพิเศษฯ UN กับรัฐบาลเมียนมา จะมุ่งเน้นไปที่การจัดการกับสถานการณ์ที่ทวีความรุนแรง รวมถึงข้อกังวลต่าง แต่ไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมใดๆ  

ทางด้าน ซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมาเปิดเผยกับสื่อที่สนับสนุนกองทัพว่า ดร.เฮย์เซอร์จะพบกับผู้นำประเทศและรัฐมนตรีอาวุโสคนอื่นๆ แต่ไม่ได้มีการร้องขอการเข้าพบนางอองซาน ซูจี เพื่อหารือแต่อย่างใด และรัฐบาลทหารไม่อนุญาตให้เธอได้พบกับผู้แทนจากกลุ่มภูมิภาคอาเซียน

ทั้งนี้ เมียนมาตกอยู่ในสถานการณ์ความวุ่นวายมาตั้งแต่ที่กองทัพทำการก่อรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของนางอองซาน ซูจี เมื่อต้นปี 2564 ที่ผ่านมา และทหารได้ใช้กำลังปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาต่อต้านรัฐประหาร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต และผู้ประท้วงถูกจับกุมไปเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลทหารเมียนมายังต้องเผชิญกับเสียงประณามจากทั่วโลก หลังจากประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวทางการเมือง 4 คน ในข้อกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย 

โดยสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ซึ่งมีเมียนมาเป็นหนึ่งในสมาชิก ได้ออกมาระบุถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เป็นการเย้ยหยันความพยายามของกลุ่มในการสร้างสันติภาพในเมียนมา